กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าดันสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยสู่ตลาดโลกหลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก และทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเกินกว่า 10% ในทุกตลาด

จันทร์ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๑๑:๒๗
กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าดันสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยสู่ตลาดโลกหลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก และทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเกินกว่า 10% ในทุกตลาด ลุยจัดเต็มเดินหน้าส่งเสริมทุกภาคส่วน พัฒนาเกษตรกรและผู้ผลิตเร่งผลิตสินค้าอินทรีย์ให้ได้มาตรฐานสากล จับมือห้างสรรพสินค้านำสินค้าเกษตรอินทรีย์มาจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน พร้อมเปิดบูธจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นการ ตั้งเป้าผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน เดินหน้าสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์กับกลุ่ม CLMV และผลักดันจัดตั้งสหพันธ์เกษตรอินทรีย์อาเซียน เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอินทรีย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ชี้สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนมีความหลากหลาย ครอบคลุมข้าว พืช ผัก ปศุสัตว์

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์เร่งเครื่องเดินหน้าดันสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยสู่ตลาดโลก โดยเน้นการส่งเสริมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคเพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดสินค้าอินทรีย์ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากที่ปัจจุบันมูลค่าตลาดสินค้าอินทรีย์อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท โดยในส่วนของผู้ผลิต และเกษตรกรได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ให้ความรู้ ผลักดันให้เกษตรกรและผู้ผลิตพัฒนากระบวนการเพาะปลูกสินค้าอินทรีย์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด กระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล รวมถึงให้มีการขอตรารับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ระดับสากล อาทิ มาตรฐาน IFOAM เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนประสานกับผู้ผลิตเพื่อเชื่อมโยงการรับซื้อสินค้าจากเกษตรกร และการสร้างเรื่องราวให้กับสินค้าแต่ละตัว เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และการช่วยพัฒนาสินค้า การออกแบบ และการหาตลาดรองรับโดยการจำหน่ายผ่านช่องทางที่มีอยู่ เช่น Farm Outlet และการประสานผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้าให้เข้ามารับซื้อผลผลิตไปจำหน่าย เช่น ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และกลุ่มเดอะมอลล์ เป็นต้น รวมถึงการเปิดบูธจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นการเฉพาะ และผลักดันให้มีการขยายตลาดต่างประเทศ เช่น การนำผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารทั้งในไทย และต่างประเทศ เช่นงาน THAIFEX และงาน BIOFACH ณ ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่และมีเครือข่ายกว้างขวางที่สุดในโลก และล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายในกับบริษัท NuernbergMesse Gmbh (NM) จากเยอรมนี เตรียมจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอินทรีย์และสินค้าธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นที่ประเทศไทยกลางปี 2561

""กระทรวงพาณิชย์จะใช้นโยบายประชารัฐในการเข้าไปส่งเสริม และผลักดันการเพาะปลูก และการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะสินค้าเกษตรอินทรีย์ถือเป็นสินค้าใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงมากในฐานะที่เป็นอาหารปลอดภัย กระบวนการผลิตปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่กระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุน และส่งเสริมไม่ได้มีเพียงข้าว แต่ยังครอบคลุมไปถึงพืช ผัก และปศุสัตว์ ซึ่งทุกวันนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญมากโดยสินค้าเกษตรอินทรีย์มีอัตราการเติบโตที่สูงเกินกว่า 10% ในทุกตลาด นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังมองไปถึงแผนการขยายตลาดและความร่วมมือในการผลิต และค้าขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ระหว่างประเทศอาเซียน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน โดยเน้นการสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์กับกลุ่ม CLMV ซึ่งมีการเชิญเกษตรกรจาก CLMV มาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำเกษตรอินทรีย์ระหว่างกัน มีการลงมือ ปฏิบัติในแปลงสาธิต ตลอดจนการอบรมด้านการตลาด และระบบ โลจิสติกส์ อีกทั้งยังมีการผลักดันความร่วมมือระหว่างสมาคมเกษตรอินทรีย์ของประเทศในอาเซียน หลังจากที่ได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งสหพันธ์เกษตรอินทรีย์อาเซียน (ASEAN Organic Federation) แล้ว โดยจะทำการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอินทรีย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อให้ภาคส่วนอินทรีย์ของอาเซียนเติบโตอย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน "" นางอภิรดีกล่าว

นางอภิรดีกล่าวต่อไปว่า ""พื้นที่การผลิตเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2 ของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด และมีฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 13,154 ฟาร์ม ณ ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนตลาดในประเทศและส่งออกเป็น 60:40 จากที่ปัจจุบันยอดการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท และยอดส่งออกประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งถ้าสามารถเพิ่มสัดส่วนการตลาดได้ก็จะช่วยให้เพิ่มพื้นที่การผลิตเกษตรอินทรีย์ได้ในอนาคต""

อนึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติเห็นชอบ ""ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2564"" ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ฉบับที่ 2 โดยมีสาระสำคัญคือ 1.) ส่งเสริมการวิจัย การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ 2.) พัฒนาการผลิตสินค้าและการบริการเกษตรอินทรีย์ 3.)พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และ4.) การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ มุ่งให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้านการผลิต การบริโภค การค้าสินค้าและการบริการที่มีความยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4