นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก และ
น้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนอุบลรัตน์ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 79 อำเภอ 482 ตำบล 2,825 หมู่บ้าน 38 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 126,390 ครัวเรือน 327,420 คน ผู้เสียชีวิต 28 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 7 จังหวัด รวม 27 อำเภอ 218 ตำบล 1,360 หมู่บ้าน 60,402 ครัวเรือน 164,858 คน อพยพ 40 ครัวเรือน แยกเป็น ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี ลุ่มน้ำชี 2 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น และมหาสารคาม ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระดมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย ทั้งเต็นท์ที่พัก รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุก รถสุขาเคลื่อนที่ เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสู่ลำน้ำสายหลัก อีกทั้งเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยที่ครอบคลุมทั้งด้านการดำรงชีพชีวิต ทรัพย์สินจากการประกอบอาชีพ และสิ่งสาธารณประโยชน์ ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 18 – 21 พฤศจิกายน 2560 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก จากนั้นอากาศจะหนาวเย็น อุณหภูมิลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ โดยสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมถึงงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายหนาว และไม่ผิงไฟในที่อับอากาศ ขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับฝนตกสะสมในพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น คลื่นสูงประมาณ ๒ เมตร ขอให้ชาวประมงเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยจากสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะฝนตกหนัก โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป