นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า อ้อยโรงงานเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทย ซึ่งประเทศไทยส่งออกน้ำตาลทรายเป็นอันดับสองของโลกรองจากบราซิล โดยส่งออกปีละ 4.125 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 68,051 ล้านบาท ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งประเทศรวม 9.75 ล้านไร่ ให้ผลผลิตรวม 91.05 ล้านตัน แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการอ้อยโรงงานที่มีถึง 150 ล้านตัน จึงขยายฐานกำลังการผลิตโดยเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อย แต่ผลผลิตที่ได้ต่อหน่วยพื้นที่กลับมีแนวโน้มลดลง สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่ ขาดแคลนพันธุ์อ้อยสะอาด
ใช้พันธุ์ไม่เหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่น ขาดการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ขาดการวิเคราะห์ปรับปรุงบำรุงดิน ปัญหาภัยแล้งเกิดโรคและแมลงระบาด และการเผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว ทำให้อินทรียวัตถุในดินลดลง
กรมส่งเสริมการเกษตรมีบทบาทหน้าที่ในการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีและมั่นคง และได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์อ้อยและน้ำตาลทราย ปี 2560 ของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ที่มีเป้าหมายขยายพื้นที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าวและแหล่งปลูกที่เหมาะสมกับการปลูกอ้อยจาก 10 ล้านไร่ เป็น 16.07 ล้านไร่ เพิ่มผลผลิตรวมจาก 92.95 ล้านตัน เป็น 182.04 ล้านตัน เพิ่มผลผลิตต่อไร่จาก 10.06 ตันต่อไร่ เป็น 11.40 ตันต่อไร่ และเพิ่มผลผลิตน้ำตาลทรายจาก 10.03 ล้านตัน เป็น 20.36 ล้านตัน มาเป็นแนวทางขับเคลื่อนเทคโนโลยีการผลิตอ้อยโรงงานให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสัมมนาครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการจาก 42 จังหวัด และคณะทำงานรวมทั้งสิ้น 100 คน เข้ารับการเพิ่มพูนความรู้เรื่องการป้องกันกำจัดศัตรูอ้อย การพัฒนาพันธุ์และเพิ่มศักยภาพการผลิตอ้อยด้วยการใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับท้องถิ่น การจัดทำแปลงพันธุ์อ้อยสะอาด สถานการณ์การผลิต การตลาดอ้อยทั้งในและต่างประเทศ การใช้และผลิตปุ๋ยชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และวิธีผสมผสาน เพื่อปลูกอ้อยอย่างยั่งยืน ประกอบกับการใช้ Agri-map ในการเพาะปลูกอ้อยในพื้นที่เหมาะสม และการจัดการระบบน้ำในไร่อ้อยโดยผ่านกลไกระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
รองอธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสัมมนาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตอ้อยที่สำคัญ ให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อเป็นวิทยากรพร้อมเป็นที่ปรึกษาแก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยต่อไป