อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ อยากให้มีการกระจายอำนาจสู่สภามหาวิทยาลัย โดยกระทรวงจะต้องส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้มีความคล่องตัวต่อการจัดการเรียนการสอน ตามทิศทางของแต่ละกลุ่มมหาวิทยาลัย เช่น กลุ่มราชมงคล กลุ่มราชภัฎ รวมถึงควรให้มหาวิทยาลัยที่มีเงินรายได้เป็นของตัวเองสามารถตั้งกรอบอัตรากำลังพนักงานมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดการบุคลากร ซึ่งปัจจุบันมีอุดมศึกษาส่วนหนึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ออกนอกระบบ การกระจายอำนาจให้สภามหาวิทยาลัยดูแลเรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่ดี
"เมื่อแยกกระทรวงแล้วจะต้องมีเป้าหมายมุ่งไปสู่การจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย โดยใน พ.ร.บ.จะต้องมีการกำหนดทิศทางอุดมศึกษาไว้ให้ชัดเจน ขณะที่สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกกฎระเบียบแต่ละเรื่องเพื่อเป็นกรอบของ มหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น มีความคล่องตัวต่อการแข่งขันและปรับตัวต่อทิศทางของมหาวิทยาลัยในอนาคต เพราะเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรต่างๆ จะเริ่มต้น เช่น ไม่มีสาขา หรือคณะ เหลือแต่หลักสูตร คณะอาจมีการเปลี่ยนเป็นสถาบัน เช่น สถาบันสุขภาพ สถาบันพลังงาน ดังนั้นบริบทที่จะเปลี่ยนควรให้สภามหาวิทยาลัยกำหนดทิศทาง ซึ่ง พ.ร.บ.ที่จะออกมานั้นจะต้องเอื้อต่อบริบทของแต่ละมหาวิทยาลัย เพราะมีความแตกต่างและการขับเคลื่อนในอนาคตจะมีความต่างกันมากขึ้นโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง" รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าว.