นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากแนวโน้มสถานการณ์ของผู้ประกอบอาชีพกุ๊กหรือเชฟ ยังมีความต้องการสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านอาหารไทย มีผู้ต้องการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหากผ่านการทดสอบจะได้รับการการันตีฝีมือ ดังนั้น ขั้นตอนและกระบวนการทดสอบมาตรฐานในทุกๆ สาขา จึงต้องมีความน่าเชื่อถือ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถานประกอบการที่ต้องการว่าจ้างผู้ผ่านการทดสอบเหล่านี้เข้าทำงาน และบุคลากรกลุ่มนี้ คือกลไกสำคัญในกระบวนการทดสอบ ต้องมีความเชี่ยวสูง มีทักษะฝีมือและมีมาตรฐาน อีกทั้งการประเมินต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
กพร. จึงจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ทดสอบมาตรฐานหรือทำหน้าที่ประเมิน รวมถึงสถานประกอบกิจการและสถานศึกษาบางแห่ง ต้องการเป็นศูนย์ทดสอบ ซึ่งข้อกำหนดการอนุญาตให้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฯ นั้น ต้องมีคณะกรรมการทดสอบหรือผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ไม่น้อยกว่า 3 คน ภาคเอกชนและสถานศึกษาที่ต้องการเป็นศูนย์ทดสอบฯ จึงต้องจัดส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมให้มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด ขณะเดียวกันในกระบวนการทดสอบของ กพร.เอง ต้องมีกรรมการให้เพียงพอ จึงต้องเร่งผลิตบุคลากรกลุ่มนี้เช่นกัน จึงจัดอบรมระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2560 จำนวน 21 คน และในปี 2561 ตั้งเป้าที่จะผลิตบุคลากรให้เป็นกรรมการทดสอบด้านอาหาร จำนวน 600 คน
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า สาขาผู้ประกอบอาหารไทย มีผู้สนใจฝึกอบรมและเข้ารับการทดสอบฯ เป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งต้องการนำความรู้ไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ เพราะมีรายได้สูง ชาวต่างชาตินิยมรับประทานอาหารไทยมากขึ้น การประกอบธุรกิจอาหารไทยในต่างประเทศจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
นายเจษฎา จันทร์อุไร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานกาฬสินธุ์(สนพ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสำนักงานฯ ได้จัดอบรมหลักสูตรเตรียมเข้าทำงาน สาขา ผู้ประกอบอาหารไทย มีระยะเวลาฝึก 2 เดือน (280 ชั่วโมง) และฝากฝึกในสถานประกอบกิจการอีก 1 เดือน หลังจากจบฝึกจะดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เพื่อเป็นการการันตีความสามารถ สำหรับผู้ผ่านการอบรมจาก สนพ.กาฬสินธุ์ แล้วไปทำงานเป็นกุ๊กในต่างประเทศ อาทิ นายวรัญญู ยกมา (เต้) เป็นพ่อครัวร้านอาหารไทยที่ประเทศสโลวาเกีย มีรายได้เดือนละ 35,000 บาท อีกคนคือนางนัยนา สก๊อต อยู่ประเทศแอฟริกาใต้ ปัจจุบันอยู่ในช่วงฝึกงาน ทางร้านจึงให้เงินเดือนๆ ละ 20,000 บาท และหลังจากพ้นทดรองงานจะได้รับค่าจ้าง 40,000 บาทต่อเดือน ก่อนไปทำงานต่างประเทศทั้ง 2 คนได้ติดต่อผ่านกรมการจัดหางาน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการถูกหรอกลวง และต้องการไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
"การพัฒนาทักษะให้กับแรงงานไทยในทุกๆ สาขา ให้ได้มาตรฐานเที่ยบเท่าระดับสากล เป็นความมุ่งมั่นของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ภายใต้นโยบายของพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทั้งด้านการยักระดับทักษะฝีมือให้มีศัยภาพและเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศอีกด้วย" อธิบดี กพร. กล่าว