ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่โครงการฯ เพื่อมาปรึกษาหารือถึงปัญหาต้นน้ำน่าน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานมาแล้ว โดยเฉพาะการทำลายป่าต้นน้ำ ซึ่งใน 1.8 ล้านไร่ที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำ ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นพืชไร่/พืชเชิงเดี่ยว โดยจะทำอย่างไรเพื่อพลิกฟื้นกลับมาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายป่า หรือวนเกษตรให้ได้อย่างไรก็ตามจากการทำงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาจากศูนย์ศึกษาที่พระองค์ท่านทำมา รวมทั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริจ.เชียงใหม่ ที่มีมานานที่สุด จะนำเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเกษตรในพื้นที่ จ.น่าน ให้เกิดผล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เข้ามาผลักดันพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อสานต่อแนวพระราชดำริ ฟื้นฟูป่า รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
"เราไม่ได้ดำเนินการเฉพาะลุ่มน้ำน่านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอีก 25 ลุ่มน้ำ โดยจะเริ่มจาก 5 ลุ่มน้ำแรก อาทิลุ่มน้ำห้วยโสมง ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำปิง เป็นต้น โดยแต่ละพื้นที่จะเริ่มรวบรวมองค์ความรู้ที่มีและขยายผลไปให้เร็วที่สุด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้เห็นถึงความก้าวหน้าของโครงการฯ ความสามัคคีของทั้งภาคประชาชนและทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกัน อีกทั้งเชื่อมั่นว่าแนวพระราชดำริที่ทรงพระราชทานไว้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านการพัฒนาเกษตรในพื้นที่ได้" นายวิวัฒน์ กล่าว