สุมาลี ผู้เขียน เผยความประทับใจถึงผลงานเล่มที่ ๒ นี้ว่า "รู้สึกปลาบปลื้มใจ และขอบคุณผู้อ่านทุกคน ที่อ่านหนังสืออยู่วังสระปทุม เด็ก ๆ บางคนที่อ่านหนังสือแล้ว ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าที่ในวังสระปทุม ก็เที่ยวมองหาพวกแมว ๆ ในวัง เมื่อไม่เห็นก็ถามมัคคุเทศก์ผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ ว่าแมว ๆ ไปอยู่กันที่ไหน เมื่อดิฉันได้ยินเรื่องนี้ หัวใจพองโต ดีใจว่าเด็ก ๆ สนใจอ่านกันจริง ๆ"
หนังสือ พวกเราขอเล่าบ้าง อยู่วังสระปทุม ๒ ถือเป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของเพื่อนสามคนที่มีส่วนในการเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ คือ รศ. ศุภรัตน์ เลิศพาณิชย์กุล ผศ. ดร. ประพจน์ อัศววิรุฬหการ และ ผศ. ดร. สุกัญญา บำรุงสุข ถ้าไม่ได้ความร่วมมือช่วยเหลือจากทั้งสามคนนี้ ดิฉันก็คงเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ เพื่อนคนหนึ่งหมั่นส่งรูปพฤติกรรมน่ารัก ๆ ของสัตว์ในวังสระปทุมมาให้ดู บางคราวมีรูปต้นไม้ดอกไม้ในวังมาให้ชม เพื่อนทั้งสามคน ช่วยกันเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ข้อมูล ช่วยอ่านและตรวจทานต้นฉบับให้ด้วย ฉะนั้นเมื่อดิฉันมีเรื่องดี ๆ สนุก ๆ หลายเรื่องมาเพิ่มเติม ก็ต้องรีบเขียน แบ่งปันความสนุกกับผู้อ่านที่น่ารัก ของเรา จริงไหมล่ะคะ"
เรื่องราวความน่าสนใจของ "พวกเราขอเล่าบ้าง อยู่วังสระปทุม ๒" สุมาลี เล่าต่อว่า "ขอเท้าความถึงหนังสือเล่มแรก คือ 'อยู่วังสระปทุม' เรื่องราวเล่าถึงพระจริยาวัตรและพระเมตตาคุณในสมเด็จพระเทพรัตนฯ ต่อสัตว์ต่าง ๆ ทั้งสัตว์ทรงเลี้ยงในวัง และสัตว์น้อยใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่นอกวัง ตัวละครผู้เล่าเรื่อง คือ แมวสมมุติที่อาศัยอยู่ในวัง มีชื่อว่า ผมเอง เล่าเรื่องจากความทรงจำและความรู้ตามประสาแมว ๆ ส่วนหนังสือ อยู่วังสระปทุมเล่ม ๒ ซึ่งมีชื่ออันไพเราะว่า 'พวกเราขอเล่าบ้าง' นี้ ได้ชื่อดังกล่าวก็เพราะบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในวังสระปทุมขอมีส่วนเล่าเรื่องกันบ้าง สัตว์ที่เป็นตัวหลักเล่าเรื่องเก่งมากคือ ปู่ชะโด และกระรอกสีน้ำตาล ช่วยกันเล่าเรื่องอดีตในวังสระปทุม เริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ก่อนที่จะมีการสร้างวังสระปทุมเสียอีก เล่าเรื่อยมาจนถึงสมัยที่วังสระปทุมเป็นที่ทรงพำนักของเจ้านายเล็กๆ สามพระองค์แห่งราชสกุลมหิดล มีเรื่องสนุกสนานน่ารัก ตามประสากระรอกช่างจำ งูทางมะพร้าวไม่น้อยหน้า มาเผยความลับว่าทำไมปัจจุบันนี้งูหลามงูเหลือมถึงได้มาปรากฏโฉมกันมากมายหลายตัวนักในวังสระปทุม ส่วนนกกวัก นกกิ้งโครง ทาก และนกพิราบก็มีส่วนเสริม ให้เรื่องราวน่าสนใจยิ่งขึ้น แน่นอน พี่บ๊อบกับ พี่ใบตอง แมวเซเลบของวังสระปทุมก็ย่อมมีบทบาทเช่นกัน พี่บ๊อบเล่าเรื่องวัดใกล้วัง ส่วนพี่ใบตองเล่าเรื่องห้องสมุดและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงส่งเสริม ในเล่มนี้พี่ข่าหอม เป็นตัวแทนสุนัขทรงเลี้ยงมาเล่าเรื่องน้องใหม่ล่าสุดในวังสระปทุม คือ น้องละมุนละไม สุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์ อายุน้อยที่สุด แต่เรี่ยวแรงไม่แพ้ใคร แถมเรียนรู้เร็วไว เลียนแบบพี่ ๆ สุนัขทรงเลี้ยงได้เก่งกาจทีเดียว อยากรู้ว่าน้องละมุนเก่งเรื่องอะไร ลองอ่านกันดูค่ะ"
ด้าน นัด-ณัฐวีร์ ลิมปนิลชาติ หรือ นัด..หมาจ๋า ผู้วาดภาพประกอบ เผยว่า "รู้สึกดีใจและภูมิใจ และต้องขอบคุณนานมีบุ๊คส์ และอาจารย์สุมาลี ที่ได้มอบโอกาสให้นัดอีกครั้ง สำหรับการทำงานเล่มนี้ นัดอ่านต้นฉบับหนังสืออยู่หลายรอบเพื่อพยายามหาจุดสำคัญในแต่ละหน้าว่าเราควรถ่ายทอดภาพประกอบออกมาอย่างไร ซึ่งเล่มนี้มีข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา นอกจากสุนัขและแมว เช่น นก หอยทาก กิ้งกือ ฯลฯ และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับวังสระปทุมอีกด้วย ฉะนั้นความยากและความท้าทายของเล่มนี้ นอกจากวังสระปทุม ที่มีโครงสร้างและรายละเอียดที่วาดยากมากอยู่แล้ว คือการวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ สมัยเมื่อทรงพระเยาว์ และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น ๆ เพราะภาพต้นแบบส่วนใหญ่ที่ใช้ประกอบการวาดนั้นเป็นภาพสมัยก่อน ทำให้สีของภาพอาจไม่สมจริงนัก จำเป็นต้องตรวจสอบและหาข้อมูลค่อนข้างมาก หากใครได้ทันสังเกต ภายในเล่มจะมีหน้าหนึ่งเป็นภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับพระราชินี ในฉลองพระองค์วันอภิเษกสมรส ซึ่งภาพที่เผยแพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ตเกือบทั้งหมด มีการปรับสีของฉลองพระองค์ผิดไปจากข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง ซึ่งนัดคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรต้องระวังเป็นอย่างมาก ถึงแม้งานเล่มแรกนัดจะใช้การลงสีด้วยสีน้ำ แต่เล่มที่สองนัดปรับมาวาดในคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความนุ่มนวล โทนสีให้สบายตาและอบอุ่น น่ารักเหมือนเดิม คิดว่างานเล่มนี้ มีสีสันที่สดใสและมีลูกเล่นมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ"
"ด้านความประทับใจในหนังสือเล่มนี้ ยังคงเป็นพระเมตตาของสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงมีต่อสัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในวังสระปทุม โดยอาจารย์สุมาลีได้ประพันธ์เนื้อหาเรื่องราวอย่างละมุนละไมสมกับชื่อตัวละครสำคัญของหนังสือเล่มนี้จริง ๆ ซึ่งความสนุกคูณสองคือการที่เพื่อนสัตว์ตัวอื่น ๆ ร่วมกันผสมโรงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายภายในรั้ววังสระปทุม แถมบางบทบางตอนยังช่วยย้อนอดีตไปให้เราเข้าใจเรื่องราวในวันเก่า ๆ เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ค่ะ"นัด..หมาจ๋า กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน สุมาลี ชื่นชมภาพวาดของคุณนัดว่า "ดิฉันเชื่อว่าที่ อยู่วังสระปทุม ประสบความสำเร็จ สาเหตุสำคัญข้อหนึ่ง คือ ภาพประกอบที่น่ารักมีอารมณ์ขันของคุณนัดนี่เอง แล้วในเล่มใหม่นี้ มีสัตว์อื่นๆ อีกหลายชนิดในวังสระปทุม ประดังกันมาทดสอบฝีมือวาดภาพและอารมณ์ขันของคุณนัด ซึ่งเธอก็แสดงฝีมือได้อย่างดี ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา กระซิบไว้ตรงนี้นะคะ เพื่อเอาใจ คุณนัด ผู้เขียนก็เลยยอมให้พี่ข่าหอม สุนัขทรงเลี้ยง เล่าเรื่องน้าแป๊ะฮวยฯ และน้องละมุนละไม น้องใหม่ล่าสุด เสียหลายหน้าเลยนะ"
สุดท้ายนี้ สุมาลี ทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนแฟน ๆ นักอ่านมาอ่านหนังสือเล่มนี้กันว่า "หนังสือเล่มนี้ ตั้งใจเขียนให้เด็กชั้นประถมปลาย อ่านได้สบายๆ เด็กเล็กๆ คงต้องให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยอ่านให้ฟังก่อน แต่เชื่อว่าคนที่รักการอ่าน คงชอบหนังสือเล่มนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ๆ ก็ตาม นอกจากความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ผู้อ่านจะได้รู้เรื่องพระจริยาวัตรและพระกรณียกิจในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รู้เรื่องประวัติของวังสระปทุม รวมถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเขตปทุมวัน และความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติวิทยาของสัตว์และพืชบางชนิด ที่สำคัญที่สุด หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะสร้างเสริมอุปนิสัยของผู้อ่านผู้เยาว์ให้มีความรัก ความเมตตา สัตว์ทั้งหลายด้วย รับรองว่าเนื้อหาไม่ซ้ำกับเล่มแรกแน่นอน แถมอ่านสนุกจนวางไม่ลงยิ่งกว่าเล่มแรกอีกนะคะ"
พบเรื่องราวแสนน่ารัก แสบ ซน ปนความซ่าของเหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงและสัตว์นานาชนิดที่มาอาศัยอยู่ในวังสระปทุม ได้ใน "พวกเราขอเล่าบ้าง อยู่วังสระปทุม ๒" พร้อมได้ความรู้ประวัติความเป็นมาของบริเวณที่ตั้งวังสระปทุม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังปทุมวันและวัดปทุมวนาราม ทั้งยังได้ซึมซับกับเหตุการณ์ที่สนุกสนานตื่นเต้นในวังเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ และ ๙ เสด็จฯมาประทับสมัยครั้งยังทรงพระเยาว์ รวมทั้งพระจริยาวัตร ของสมเด็จพระเทพรัตนฯ และพระกรณียกิจที่ทรงทำเพื่อคนไทยเสมอมา ที่พิเศษสุด สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงพระกรุณาพระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สัตว์น้อยใหญ่ในวังสระปทุมมาให้พิมพ์ท้ายเล่ม ตามคำกราบบังคมทูลขอ ให้ผู้อ่านได้เห็นตัวจริงๆ ของเหล่าตัวละครเอกในเรื่อง
จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ในราคา 195 บาท วางจำหน่ายแล้ว ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางwww.nanmeebooks.com www.facebook.com/nanmeebooksfan โทร. 0-2662-3000 กด 0