สบพ. เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม และสมาชิกประเภท Full Member โครงการ ICAO TRAINAIR PLUS ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ผลิตบุคลากรด้านการบินมาแล้วกว่า 35,000 คน จาก 78 ประเทศทั่วโลก และ AGP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนงานด้านการบริการภาคพื้นในท่าอากาศยานของประเทศญี่ปุ่น มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้น และอุปกรณ์ในอาคารผู้โดยสาร มีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับสากล อาทิเช่น ระบบ Ground Support Equipment, Airport Facilities, Aircraft Ground Handling เป็นต้น ในการนี้ สบพ. และ AGP เห็นพ้องร่วมกันถึงความสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) ให้กับสบพ. โดยมีแผนที่จะจัดทำหลักสูตรร่วมกัน โดยในเบื้องต้น AGP ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมทำ workshop กับคณะทำงานกองวิชาอากาศยานและเครื่องยนต์ของ สบพ. เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำหลักสูตร รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลให้ สบพ.มีบุคลากร และมีหลักสูตรที่หลากหลายและครอบคลุมงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจรและเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะมีการขอรับการรับรองมาตรฐานหลักสูตรภายใต้มาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ International Civil Aviation Organization (ICAO) ต่อไปด้วย การจัดตั้ง ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศอู่ตะเภา ของ สบพ.ตามนโยบายของรัฐบาล นั้น จึงเป็นการช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor)
ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตบุคลากรด้านการบินที่มีคุณภาพ และมีจำนวนเพียงพอสำหรับการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ของประเทศไทยและภูมิภาคในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจการซ่อมบำรุงและการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล อาทิ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization - ICAO) คณะกรรมการและหน่วยงานความปลอดภัยการบินยุโรป (European Aviation Safety Agency -EASA) และสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ( Federal Aviation Administration - FAA) เป็นต้น
หลักสูตรที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่นักศึกษา สบพ. และผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ให้สามารถเข้ามาศึกษาต่อในหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) โดยมีระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปี ส่งผลให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรดังกล่าว มีความรู้ ความสามารถ ด้านการบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นในท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมการบินมากขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นโดย Mr. Shiro Sadoshima เอกอัคราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีความร่วมมือกันระหว่าง 2 หน่วยงาน ในการร่วมกันพัฒนาและผลิตบุคลากรด้านการบินให้กับนักศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงของไทยให้ได้รับความรู้จาก AGP Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความรู้ความสามารถในการดำเนินงานในด้านงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจร ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีนโยบายการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัย และมีการบริการที่ดีเยี่ยม เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ด้วยความสัมพันธ์อันดีของรัฐบาลไทยและญี่ปุ่นที่มีมายาวนาน เราได้รับทราบว่า รัฐบาลไทยได้เชิญชวนให้ชาวต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนและดำเนินงานในพื้นที่ EEC ด้วยแล้วนั้น แต่การดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่ายังมีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนไม่มากนักแสดงความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ EEC ดังนั้น ความร่วมมือระหว่าง AGP และ สบพ.ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการดำเนินงานร่วมกันภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลของทั้ง ๒ ประเทศ และถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จจากความสัมพันธ์อันดีของทั้ง ๒ ประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น ขอเรียนว่าเราพร้อมยินดีให้การสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือของทั้ง ๒ หน่วยงานนี้ในทุกๆด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่า นโยบายการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(Eastern Economics Corridor) นั้นไม่ใช่โครงการสำคัญของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่นและประเทศต่างๆในอาเซียนจะสามารถเข้ามาร่วมลงทุนดำเนินงานในกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบิน และในนามรัฐบาลญี่ปุ่น จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทยต่อไป