“กฤษฎา”เผยอินโดนีเซียสนใจมาตรการลดกรีด 3 เดือน หลังเชิญ 4 ประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลกร่วมหารือครั้งแรก เพื่อติดตามมาตรการควบคุมโควตาส่งออก หวังสร้างเสถียรภาพราคา

ศุกร์ ๐๒ มีนาคม ๒๐๑๘ ๑๘:๓๗
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ร่วมประชุมหารือความร่วมมือด้านยางพารา เพื่อจะสร้างเสถียรภาพด้านราคา และพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง ตลอดจนอุตสาหกรรมยางให้มีความมั่นคงและยั่งยืน และยังเป็นการส่งเสริมด้านความร่วมมือและความความสัมพันธ์อันดีในฐานะประเทศผู้ผลิตยางด้วย โดยครั้งนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา (AETS) ครั้งที่ 5 ภายใต้ข้อตกลงสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยกำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันของ 3 ประเทศสมาชิก ITRC จำนวน 350,000 ตัน ที่แก้ไขปัญหาราคายางในระยะสั้น ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 ซึ่งนับจากนี้ยังเหลือเวลาในการดำเนินมาตรการนี้อีกประมาณ 1เดือน ในการควบคุมปริมาณยางในตลาดให้ลดลง ทั้งสามประเทศยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความต้องการใช้ยางในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของแต่ละประเทศซึ่งจะมีรายได้ที่สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการมาตรการนี้ ประเทศเวียดนาม ในฐานะประเทศผู้ผลิตยาง ยังช่วยสนับสนุนมาตรการครั้งนี้สัมฤทธิ์ผลควบคู่ด้วยดังกล่าวร่วมด้วย ซึ่งเวียดนามมีท่าทีอย่างไม่เป็นทางการในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปลายปีนี้

สำหรับประเทศสำคัญที่ไทยนำเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ คือมาตรการที่ไทยดำเนินการและระหว่างพิจารณารวม 5 มาตรการ คือ มาตรการและแนวทางอื่นในการสร้างเสถียรภาพราคายาง 1. มาตรการบริหารจัดการการผลิต โดยบริหารผลผลิตและความต้องการใช้ยางของแต่ละประเทศได้อย่างสมดุล โดยไทยนโยบายในการลดพื้นที่ปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมด้วยการโค่นยางเพื่อไปปลูกพืชอื่น ซึ่งจะจำกัดปริมาณผลผลิตให้มีความสมดุลกับความต้องการใช้ ปีละ 200,000 ไร่ ปัจจุบัน ปี 2560ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยาง 23.113 ล้านไร่ และคาดว่าในปี 2561 จากมาตรการนโยบายของรัฐบาล จะช่วยให้พื้นที่ปลูกยางในประเทศหายไปประมาณ 200,000 ไร่ จะเหลือเป็นพื้นที่ปลูกยางในประเทศไทย ประมาณ 22.913 ล้านไร่ 2. มาตรการการปลูกยางพาราร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่น 3. เพิ่มการใช้ยางในประเทศ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยปัจจุบันมีการรณรงค์ให้หน่วยงานภาครัฐ เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ และประโยชน์ต่อประชาชน อาทิ สระน้ำ ยางปูพื้น ถนนยางพารา เป็นต้น4. มาตรการหยุดกรีด ที่ไทยมีนโยบายให้พื้นที่ปลูกยางในหน่วยงานภาครัฐ ยกเว้นพื้นที่สวนยางที่ใช้ในการวิจัย หยุดกรีดยางเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในระหว่าง ม.ค.-มี.ค. 2561 คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ เพื่อลดปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาด นอกจากนี้ ไทยยังมีแนวคิดในการลดพื้นที่กรีดยาง 2 แนวทาง เพื่อลดปริมาณยางในตลาด ได้แก่ 1. หยุดกรีดยาง 3 ล้านไร่ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ค.61 คาดว่าจะลดปริมาณยางได้ประมาณ 200,000 ตัน 2. หยุดกรีดยางทุกไร่ แต่กรีดแบบวันเว้นวันหรือกรีดยาง 15 วัน หยุดกรีดยาง 15 วัน และ 5. มาตรการการควบคุมการผลิต-ราคายางพาราที่ปัจจุบัน ยางพาราของประเทศไทย เป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ปี 2542 โดยจะมีกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูกลไกราคายางพารา ดังนั้น มีนโยบายในการจัดตั้งคณะกรรมการยางพาราควบคุมการผลิต-ราคายางพารา ซึ่งคณะกรรมการฯ จะประกอบด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาคราชการ เอกชน และชาวสวนยางพารา มีอำนาจหน้าที่ในการไปดูต้นทุนยางพารา ดูการผลิตยางว่าราคาใดเหมาะสมกับการรับซื้อ หรือราคาใดเหมาะสมกับการส่งออก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร

อย่างไรก็ตาม สองมาตรการหลังนั้นไทยได้ขอให้ประเทศสมาชิกรับไปพิจารณา คือ มาตรการหยุดกรีดยาง และคณะกรรมการราคายางระหว่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือนั้นอินโดนีเซียสนใจมากที่สุดกับมาตรการขอความร่วมมือลดกรีดยางนี้ แต่ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกจะรับข้อเสนอของไทยไปพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๕ อัปเดตล่าสุด กฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ต้องรู้ 2567
๑๕:๑๐ อมาโด้ (amado) ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดคอลลาเจน คว้า 2 รางวัล จากเวทีธุรกิจ 2024 Thailand's Most Admired Brand (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4) และรางวัล Brand Maker Award
๑๕:๒๒ ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี เติมฝันเด็กไฟ-ฟ้า ผ่านโชว์ Cover Dance คว้า 2 รางวัล จุดประกายศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจมุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่สำคัญ
๑๕:๑๒ วว. / สสว. นำ วทน. พัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน SMEs จัดอบรมพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้วยบรรจุภัณฑ์ ฟรี
๑๓:๕๐ เถ้าแก่น้อย ครองใจผู้บริโภคคว้า 'แบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบที่สุด' จากผลสำรวจ Thailand's Most Admired Brand
๑๓:๓๘ Bose-Backed สมาร์ทวอทช์แบรนด์ Noise เปิดตัวในไทยบน Shopee และ Lazada
๑๒:๑๗ TIDLOR ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ มูลค่า 4,000 ลบ. ขายหมดเกลี้ยง ขอบคุณนักลงทุนที่ร่วมสร้างผลตอบแทน พร้อมกับสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไปด้วยกัน
๑๒:๔๗ แอล.พี.เอ็น. เปิดโมเดลซัพพอร์ทคนอยากมีบ้าน เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 3 ล้าน ผุดแคมเปญ 'LPN ดูแลให้' และ 'LPN
๑๒:๓๗ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า 'Redmi Note 13 Series' ให้คุณกดบัตรคอนเสิร์ต '2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR ENCORE [AREA 52] in BANGKOK Presented by Xiaomi' รอบ
๑๒:๐๘ กรมโยธาฯ ใช้มาตรการเด็ดขาด ยกเลิกสัญญาจ้างงานที่ล่าช้าสร้างความเดือดร้อนประชาชน