โดยผลงานที่ผ่านมา 'ต้นสัก ณัฐธัญ' ได้รับรางวัลชนะเลิศการทำหนังสั้นมาแล้วหลายเวทีด้วยกัน อาทิ 'รัตน์ เปสตันยี' จากเทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 20, รางวัลชนะเลิศ Asean Thailand Video Contest 2016 จากเรื่อง Ta Kwa So ต้าคว้าโซ, รางวัลชนะเลิศและรางวัลขวัญใจมหาชนเวที Asean Thailand Video Contest 2017 จากเรื่อง 'ข้าวต้มมัด' และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 'สื่อศิลป์ ปี 5 Human Rights : แลต๊ะแลใต้' จากเรื่อง 'Disyaki' ฯล ซึ่งกับโปรเจคท์หนังสั้น 'song of life (เพลงที่ยังแต่งไม่จบ)' นี้ ผู้กำกับหนุ่มได้เล่าไว้อย่างน่าสนใจว่า "จุดเริ่มต้นของการทำหนังเรื่องนี้ มาจากการมีกลุ่มเยาวชนในโครงการเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคมฯ ของสสย. พวกเขาเคยผ่านชีวิตเด็กแก๊งมา มีเรื่องตีรันฟันแทง เรื่องยาเสพติด เคยใช้ชีวิตด้านมืดมามาก แต่ปัจจุบันนี้ ได้กลับตัวกลับใจมาใช้ชีวิตด้านบวกและเป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนอีกมากมายแล้วนั้น เรื่องราวชีวิตของแต่ละคนน่าสนใจมาก ก็เลยเลือกนำบางมุมมาตีโจทย์ใหม่เพื่อนำเสนอในรูปแบบของหนังสั้น แง่มุมของแต่ละคนมีเยอะมาก แต่ละแง่มุมก็มีความน่าสนใจ หลายแง่มุมสะท้อนสังคมและสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมได้ แต่ถ้าจะนำเสนอทุกแง่มุมเลยมันคงเป็นไปได้ยากในแง่ของความเป็นหนังสั้นที่ความยาวไม่เกินครึ่งชั่วโมง"
"เนื้อหาของหนังเรื่อง Song of life' นี้เป็นหนังรักใสๆ โรแมนติกดราม่า เล่าเรื่องของความหวังและโอกาสของวัยรุ่นชายหญิงคู่รักคู่หนึ่ง ที่มีความหวังเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไป หวังว่าต้องได้เรียน ได้เที่ยว ได้ทำตามฝันของตัวเอง แต่สุดท้ายบางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง บางคนก็พลาดโอกาสสำคัญที่รอคอยมาทั้งชีวิต บางคนมีโอกาสทั้งชีวิตแต่ไม่เคยใช้มันเลย ถามว่าทำไมต้องเป็น Song of life (เพลงที่ยังแต่งไม่จบ) เราเปรียบง่ายๆ ว่าชีวิตคนเราเหมือนบทเพลง กว่าจะมาเป็นเพลงเพราะๆ สักเพลงมันต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก ผ่านความรู้สึกบางอย่าง ผ่านการคิดขัดเกลา มีเนื้อเพลง มีดนตรีแล้วรวมกันเป็นบทเพลง เหมือนอย่างตัวดำเนินเรื่องในหนังที่พยายามปั้นแต่งชีวิตตัวเอง พยายามทุกทางเพื่อไขว่คว้าหาโอกาสพยายามแต่งเพลงใส่ทำนองชีวิตตัวเองให้จบอย่างสมบูรณ์ แต่ทุกอย่างต้องพังทลายจากการก้าวพลาดแค่เพียงนิดเดียว เพลงชีวิตเขาเลยแต่งไม่จบ"
"ก็ขอฝากหนังเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ มีนาคม 61 นี้ รับชมกันผ่านยูทูบ เสิร์ชคำว่า 'Song of life (เพลงที่ยังแต่งไม่จบ)' ได้เลยครับ ทีมงานทุกคนตั้งใจทำกันมาก เวลาที่เราทำงานทุกครั้ง มันคือการลงทุนลงแรงสรรพกำลังทุกอย่างใส่ไปในนั้น มันคือลมหายใจของคนที่รักการทำหนังเลยก็ว่าได้ ถ้าคนดูแล้วมีความสุขและได้แง่คิดอะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง คนเบื้องหลังอย่างพวกเราก็สุขใจแล้วครับ"
เรียกว่าเป็นการนำเสนออีกมิติหนึ่งของหนังสั้นเกี่ยวกับเด็กแก๊งค์ ที่แทบจะไม่มีฉากที่แสดงถึงความรุนแรงในหนังเลย ตรงกันข้ามกลับนำเสนอด้วยความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ทว่างดงามด้วยตัวของมันเอง