สำนักงานประกันสังคมจึงเร่งติดตามและดำเนินการวางนโยบายเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี ได้แก่กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสภาพเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตน เข้าสู่ระบบประกันสังคมมากขึ้น โดยตัวเลขจำนวนสถานประกอบการในปี 2560 ที่ผ่านมามีจำนวน 444,868 แห่ง ผู้ประกันตนมีจำนวน 14,647,101 คน และคาดว่าในปี 2561 จะมีจำนวน สถานประกอบการ และผู้ประกันตนเข้าสู่ระบบประกันสังคมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจจะถึง 15 ล้านคน
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาช่องทางการชำระเงินสมทบของนายจ้าง ผู้ประกันตน ในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ในเรื่องการรับ–จ่ายเงิน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สะดวกและลดความเสี่ยง ป้องกันการทุจริตหรือเกิดความผิดพลาดในการรับ-จ่ายเงิน เป็นการให้ความสำคัญในการดูแลผู้ประกันตนให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน