- ๐๕:๒๑ สมาคมธนาคารไทย ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและSME
- ๐๕:๒๑ ASIA เตรียมขายหุ้นกู้มีหลักประกัน มูลค่า 300 ลบ. อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7 - 7.20% มูลค่าหลักประกันเฉียด 1,600 ลบ. คาดเปิดจองซื้อวันที่ 27 - 29 พ.ค. นี้
- ๐๕:๒๑ ไมโครลิสซิ่งฯ (MICRO) ย้ำฐานะการเงินแกร่ง ประกาศชำระคืนหุ้นกู้ 321 ลบ. พร้อมดอกเบี้ย 5.40% ครบกำหนด 26 เม.ย. นี้
ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน รวมทั้งชุมนุมสหกรณ์ ทั้งสองประเภท กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากทุกประเภทได้ ไม่เกินร้อยละ 4.5 ต่อปี ซึ่งการออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแนวทางปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลสหกรณ์ ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน โดยให้มีการทบทวนอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อให้สหกรณ์มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม และเป็นผลดีกับการให้บริการเงินกู้แก่สมาชิก เดิมในปี 2543 อัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ เฉลี่ยร้อยละ 4.00 ต่อปี นายทะเบียนสหกรณ์จึงประกาศกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากที่ร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งการออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ครั้งนี้ ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์และผู้แทนสหกรณ์ โดยได้ข้อยุติแล้ว ซึ่งมีหลักการคิดไม่แตกต่างไปจากเดิม โดยนำอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากประจำ 12 เดือนของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่มาเฉลี่ย จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี แล้วประกาศกำหนดเพดานดอกเบี้ยเงินรับฝากไม่เกินร้อยละ 4.5 ต่อปี เป็นการกำหนดตามภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ได้เป็นการกำหนดอัตราที่ตายตัว นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องร่วมกันว่า ควรมีการทบทวนอัตราดอกเบี้ย เงินรับฝากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ทั้งนี้ จะต้องเป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับข้อมูลภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของตลาดโลก หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงหรือเพิ่มขึ้น นายทะเบียนสหกรณ์จึงจะมาพิจารณาปรับลดหรือเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสถานการณ์ทางการเงินภายในประเทศขณะนี้ ยังคงอยู่ในระดับเดิมเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา จึงยังคงถือใช้อัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ตามประกาศเดิมไปก่อน