ศุลกากรจัดพิธีมอบใบรับรองสถานภาพผู้ประกอบการเออีโอ

จันทร์ ๓๐ เมษายน ๒๐๑๘ ๑๑:๓๘
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561) เวลา 10.00 น. นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองสถานภาพเป็นผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ ประจำปี 2561 ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการที่ได้ใบรับรองสถานภาพดังกล่าว เข้าร่วมพิธี จำนวน 112 บริษัท ณ ห้องโถง อาคาร 1 กรมศุลกากร คลองเตย กรุงเทพมหานคร

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) ได้ตระหนักถึง การรักษาความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) การค้าระหว่างประเทศ จึงได้กำหนดกรอบมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า 'SAFE Framework of Standards to Secure and Facilitate Global Trade (SAFE FoS)' โดยมี โครงการเออีโอ (Authorized Economic Operator : AEO) เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความปลอดภัยในการนำเข้าและส่งออกตลอดเส้นทางของการขนส่งสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่ดำเนินโครงการดังกล่าว ประมาณ 74 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ในฐานะสมาชิก WCO ได้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนของประเทศ และเป็นการยกระดับการจัดอันดับการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ไปพร้อมๆ กัน กรมศุลกากรจึงได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตนารมณ์ 'Letter of Intent' เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 ในการนำ 'SAFE FoS' มาปฏิบัติเพื่อกระตุ้นให้ศุลกากรและภาคเอกชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถความร่วมมือกันในระดับภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคมากขึ้น โดยได้เริ่มดำเนินการ โครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) มาตั้งแต่ปี 2556 ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 345 ราย โดยสมาชิกจำนวน 244 ราย จะต้องเข้ารับการทบทวนสถานภาพครบรอบ 3 ปี ทั้งนี้ ผู้นำเข้าส่งออกที่จะได้รับคัดเลือก เป็นผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) จะต้องมีคุณสมบัติ คือ ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และได้รับการรับรองว่าเป็นกิจการที่มีกำไรย้อนหลัง 2 ปีบัญชีสุดท้ายติดต่อกัน เป็นผู้นำของเข้าหรือส่งของออกมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ไม่มีประวัติการกระทำความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร และต้องมีแผนควบคุม มีระบบการจัดการและการประเมินความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจในด้านต่างๆ ในส่วนของตัวแทนออกของมีข้อกำหนดเพิ่ม คือ ต้องมีความพร้อมในการผ่านพิธีการศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่กรมศุลกากรกำหนด และต้องมีผู้ชำนาญการศุลกากรที่กรมศุลกากรรับรองปฏิบัติหน้าที่ประจำอย่างน้อย 1 คน ซึ่งผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) จะได้รับสิทธิพิเศษในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากรนำของเข้า ส่งของออก และในกรณีที่จะต้องเปิดตรวจ จะได้รับการตรวจปล่อยเป็นลำดับแรก

ข้อมูลจากส่วนมาตรฐานเออีโอ ระบุว่า ในปี 2560 ผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) มีมูลค่าการนำเข้า ร้อยละ 46.1 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด หรือคิดเป็นร้อยละ 24.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และมีมูลค่าส่งออก ร้อยละ 42.9 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด หรือคิดเป็น ร้อยละ 23.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะเห็นได้ว่า มูลค่าการนำเข้าและส่งออกของผู้ประกอบการ AEO มีสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของ GDP ดังนั้น โครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) จึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเนื่องจาก โครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) เป็นความร่วมมือระหว่างศุลกากรกับภาคธุรกิจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งมอบ เคลื่อนย้าย กระจายสินค้า ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยในห่วงโซ่ของการรับส่งสินค้าระหว่างประเทศ

กรมศุลกากรจึงได้ดำเนินการจัดทำความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangment : MRA) กับประเทศต่างๆ โดยที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้ดำเนินการลงนามในความตกลงดังกล่าว ระหว่างศุลกากรฮ่องกงและศุลกากรเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังอยู่ระหว่างดำเนินการ กับประเทศต่างๆ ได้แก่ มาเลเซียสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (AEO) ในประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษในการอำนวยความสะดวก ด้านพิธีการศุลกากรในประเทศที่ได้ทำความตกลงยอมรับร่วมกัน (MRA) พร้อมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย

กรมศุลกากรมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการและพัฒนาโครงการดังกล่าวต่อไป เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อให้สอดคล้องกับ สโลแกนของ WCO ในปีนี้ที่ว่า "A secure business environment for economic development." หรือ การมุ่งมั่นส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมทางการค้าเพื่อการพัฒนา นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังคงมุ่งมั่นพัฒนา เดินหน้า โครงการพันธมิตรศุลกากร ระยะที่ 2 โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกเพิ่ม ระหว่างวันที่ 1 – 18 พฤษภาคม 2561 นี้ สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.customs.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4