นายวิรัตน์ สิทธิชัย ผู้อำนวยการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนกลาง กล่าวว่า โครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน แจกทุนอุดหนุนให้เกษตรกรชาวสวนยางไร่ละ 10,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการทำสวนยาง ส่งเสริมให้ลดพื้นที่ปลูกยาง
เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานบูรณาการร่วมกัน ตามแนวคิดในการพัฒนาจากระดับชาติสู่ระดับพื้นที่ มุ่งพัฒนาศักยภาพของคนระดับท้องถิ่น และเน้นการมีส่วนร่วมและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) และโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน สำหรับโครงการดังกล่าว รัฐสนับสนุนงบประมาณ 1,500 ล้านบาท เป้าหมายลดพื้นที่ปลูก 150,000 ไร่ โดยขณะนี้มีผู้ได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการ 6,696 ราย คิดเป็นจำนวน 45,539 ไร่
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า "ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นจุดแรกในการนำร่องแจกทุนอุดหนุนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน" โดยการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรเพื่อเป็นทุนสนับสนุนปัจจัยการผลิต ไร่ละ 10,000 บาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด โดย งวดที่ 1 จำนวน 4,000 บาทต่อไร่ เพื่อใช้เป็นทุนในการปรับเตรียมพื้นที่ และงวดที่ 2 จำนวน 6,000 บาทต่อไร่ จะจ่ายให้หลังจากเกษตรกรผ่านการอบรมจากกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อเป็นทุนในการซื้อพันธุ์พืชหรือพันธุ์สัตว์ โดยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ งวดที่ 1 จะได้รับเงิน 18,182,970 บาท จำนวน 784 ราย พื้นที่ 4,545.7425 ไร่ และในส่วนของพื้นที่
อ.ท่าศาลา จ่ายงวดที่ 1 จำนวน 20 ราย พื้นที่ 76.60 ไร่ เป็นเงินทั้งสิ้น 306,400 บาทซึ่ง กยท.จ่ายเงินเข้าบัญชีเจ้าของสวนยางโดยตรง และในส่วนของพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ สามารถทยอยส่งมอบเงินแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
นายสมชาย แซ่ลิ่ม ตัวแทนเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ จาก อ. ท่าศาลา กล่าวว่า "โครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อย ที่รัฐบาลและ กยท.ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในการเริ่มต้นทำอาชีพเกษตรกรรมใหม่ที่ต่างจากเดิม ในส่วนของตนเองนำสวนยางมาเข้าร่วมโครงการจำนวน 4.95 ไร่ โดยเปลี่ยนไปทำสวนทุเรียน ซึ่งขณะนี้ตลาดมีความต้องการมาก และสวนทุเรียนมีความแตกต่างจากสวนยางค่อนข้างมากแต่ตนก็มีประสบการณ์เคยทำมาก่อนแล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถทำให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ได้"
"กยท. ให้ความสำคัญในการดำเนินงานตามนโยบายรัฐ ในการดูแลพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สร้างทางเลือกในการปรับเปลี่ยนพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ ทดแทนการทำสวนยางเพียงอย่างเดียว โดยมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความรู้ คำแนะนำ เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพและสนับสนุนปัจจัยการผลิต และขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนพัฒนาอาชีพจนประสบความสำเร็จ และมีรายได้มั่นคงยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป" ผอ.กยท.เขตภาคใต้ตอนกลาง กล่าวทิ้งท้าย