ในปีนี้ อินทัชเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้จัดกิจกรรม "จากป่าสู่ชุมชน อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน" โดยมีเยาวชนจากโรงเรียนห้วยขาแข้งวิทยาคม และชาวชุมชนบึงเจริญที่เป็นชุมชนในบริเวณผืนป่าห้วย ขาแข้งเข้าร่วมกิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ระบบนิเวศและความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ข้อควรปฏิบัติและกติกาการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากผืนป่าได้อย่างเหมาะสม โดยมีกิจกรรมหลักดังนี้
- กิจกรรมวงล้อสื่อความหมายธรรมชาติ ให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า พืชพันธุ์ไม้ ระบบนิเวศความหลากหลายของป่าห้วยขาแข้ง การคัดแยกขยะ กฎระเบียบและกติกาต่างๆ
- กิจกรรมเดินสำรวจป่าศึกษาธรรมชาติ รวมถึงเรียนรู้อุปกรณ์จำเป็นพื้นฐานที่ใช้ในการเดินป่า
- กิจกรรมซ่อมแซมและขุดลอกฝายชะลอน้ำให้ใช้งานได้ดีขึ้น เรียนรู้ประโยชน์ของฝายชะลอน้ำซึ่งเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารของชาวชุมชนช่วยให้ป่าเกิดความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์เป็นที่เกิดของพืชป่า เช่น ผักหวาน เห็ด รวมทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น อึ่งอ่าง เป็นต้น
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 2-4 มิถุนายนที่ผ่านมา อินทัชยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้และฝึกปฏิบัติจริงแก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านทักษะการสื่อสารและวิธีการทำงานร่วมกับชุมชน โดยเรียนรู้เรื่องการเป็น "วิทยากรกระบวนการ, เทคนิคการตั้งคำถาม และการประชุมอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน" ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าฯ เป็นอย่างดียิ่ง
ผลสำเร็จของการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2561 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าฯ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีทักษะความรู้และเครื่องมือจำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จาก
1) อบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ฯ โดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้และมีเงินออมเฉลี่ยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน 1,920 บาทต่อคนต่อเดือน, สามารถลดปริมาณขยะประเภทถ่านไฟฉาย กล่องโฟม ถุงพลาสติกจากหน่วยพิทักษ์ป่าภายในพื้นที่ได้จำนวน 7.2 ตันต่อปี เป็นต้น
2) ช่วยเหลือครอบครัว สนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุตรของเจ้าหน้าที่ฯต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีจำนวน 10 ทุน
3) สนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน เช่น การสร้างสถานีผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 3.2 กิโลวัตต์จำนวน 3 ชุด ติดตั้งในหน่วยพิทักษ์ป่า 3 แห่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้งาน ได้แก่ หน่วยพิทักษ์ป่าอีซะ หน่วยพิทักษ์ป่ากระทะแตก และหน่วยพิทักษ์ป่ายู่ยี่, สนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้ในการลาดตระเวน เช่น เครื่องกรองน้ำแบบพกพา ถังเก็บน้ำ เป้สนาม เปลสนามพร้อมมุ้ง, ถ่านไฟฉายพร้อมที่ชาร์ต, สนับสนุนการปรับปรุงรั้วลวดหนามกั้นระหว่างเขตแนวป่ากันชนระยะทาง 12 กิโลเมตร, สนับสนุนข้าวสารปลอดสารเคมีจำนวน 25,500 กิโลกรัม, ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลแก่เจ้าหน้าที่ที่ประสบภัยอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ผ่านกองทุนสวัสดิการ เป็นต้น โดยมีมูลค่ารวมของการสนับสนุนทั้งหมดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 7,500,000 บาท
นายชลาลักษณ์ บุนนาค ประธานคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความรู้สึกว่า "ผมขอชื่นชมและเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทของผู้พิทักษ์ป่าทุกท่านที่เสียสละและอุทิศตนเพื่อสืบสานและปกป้องผืนป่ามรดกโลกทางธรรมชาติของไทยให้คงอยู่ และภูมิใจที่อินทัชได้เป็นอีกหนึ่งพลังในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าให้มีคุณภาพชีวิต และมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้นในการปฏิบัติงานสำคัญอันส่งผลให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานีนี้ ยังคงเป็นผืนป่ามรดกโลกให้คนรุ่นหลังได้ร่วมเรียนรู้และชื่นชมสืบต่อไป"
ร่วมเป็นกำลังใจให้กับการปฏิบัติหน้าที่ของ "ผู้พิทักษ์ป่า" ที่พร้อมเสียสละ อุทิศแรงกายแรงใจปกป้องผืนป่าด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่เพื่อคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของผืนป่าห้วยขาแข้งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทยตราบนานเท่านาน