คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมของแสนสิริ หรือที่เรียกว่า Social Change เรายังคงมุ่งมั่นให้การสนับสนุนการดูแลเด็ก และเยาวชนใน 3 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา และกีฬา ซึ่งการจัดตั้งโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ครอบคลุมทั้งสามด้าน เพราะนอกจากจะสุขภาพดีจากการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาแล้ว ยังสามารถ ต่อยอดสู่ด้านการศึกษาได้อีกด้วย อาทิ การได้รับโอกาสทางการศึกษาจากการได้โควต้าเข้าเรียนต่อ ในโรงเรียน หรือสถาบันที่มีคุณภาพ และการสนับสนุนต่อยอดสู่ระดับสโมสรและระดับชาติต่อไป โดยปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนที่ได้รับโอกาสที่ดีทั้งด้านการศึกษา และกีฬา จากการเข้าโครงการฯ รวมแล้วกว่า 100 คน ภายใน 12 ปี"
"ผมเชื่อว่าเด็ก และเยาวชนในโครงการฯ เหล่านี้ จะได้รับการพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล โดยโค้ชคัดเด็กที่มีทักษะใกล้เคียงไว้กลุ่มเดียวกัน เรียงไปตั้งแต่กลุ่มเริ่มต้น ไปจนถึงกลุ่ม ที่มีทักษะสูง หรือเป็นนักกีฬาโรงเรียนอยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มโครงการ Sansiri Academy Pro (แสนสิริ อะคาเดมี่ โปร) เพื่อเฟ้นหาเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นในโครงการฯ และมีระเบียบวินัยที่ดี ให้มีโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น รวมถึงการส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนในรายการต่างๆ อาทิ RBSC Youth Soccer Tournament ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลของเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 10-12 ปี ก่อตั้งโดยสมาคมราชกรีฑาสโมสร เป็นต้น นอกจากนั้นยังหาโอกาสในการจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่แก่เด็กๆ โดยให้เด็กได้ใกล้ชิดกับนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย อาทิ อดิศร พรหมรักษ์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ภานุพงศ์ วงศ์ษา, ดัสกร ทองเหลา รวมถึงการขยายความต่อเนื่องกับเครือข่ายทีมฟุตบอลในองค์กรอื่นๆ ที่สนับสนุนด้านฟุตบอลอยู่แล้ว เช่น โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี และคาดว่าโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ จะสามารถผลิตนักฟุตบอลระดับเยาวชนที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อยอดอนาคตในด้านต่างๆ จนเป็นกำลังสำคัญของชาติ และเป็นที่น่าภาคภูมิใจมากขึ้นอย่างแน่นอน" คุณเศรษฐา กล่าวเสริม
โดย น้องพีม-พัชรพล อินทนี หนึ่งในตัวแทนของเยาวชนในโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ที่ประสบความสำเร็จ จนได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสร SCG เมืองทอง กล่าวว่า "ผมขอขอบคุณแสนสิริ ที่ทำโครงการดีๆอย่างแสนสิริ อะคาเดมี่ ผมและเด็กหลายๆคนได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้อง จากเด็กที่เล่นฟุตบอลไม่เป็นเลย จนกระทั่งแสนสิริมอบโอกาสทำให้ผมสามารถนำทักษะฟุตบอลที่ได้ฝึกฝนจากโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่มาต่อยอดสู่ระดับอาชีพได้"
หรือน้องแอมป์-ณัฐวดี ปร่ำนาค อีกหนึ่งนักฟุตบอลเยาวชนหญิงของโครงการฯ ที่มีความตั้งใจฝึกซ้อม จนสามารถสอบเข้าโควต้านักกีฬาโรงเรียน และสามารถต่อยอดไปถึงการเป็นนักกีฬาทีมชาติหญิง ชุด 12 ปี, 14 ปี และปัจจุบันได้ตำแหน่งกัปตันทีมชาติหญิงอายุ 19 ปี ซึ่งกล่าวว่า "จุดเริ่มต้นจากความชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก และหลังจากเข้ามาร่วมในโครงการฯ ก็ได้รับการฝึกซ้อมจากโค้ชอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้การที่สามารถมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ต้องขอบคุณโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีโอกาสทำตามฝันของตัวเอง ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากค่ะ"
ปัจจุบันโครงการฯ ได้ขยายโอกาสในการเรียนการสอนถึง 7 สนาม ได้แก่ สนามฟุตบอล The Pac พุทธมณฑลสาย 4 ,สนามฟุตบอล บอย ท่าพระจันทร์ อักษะ , สนามฟุตบอลอินเตอร์พรีเมียร์ ประชาชื่น , สนามฟุตบอล Star Kick อ่อนนุช , สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค และโรงเรียนสาธิตพัฒนา รามอินทรา และสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยสำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต สามารถติดต่อได้ที่ คุณจิรกิตติ์ 083-077-2062
เกี่ยวกับโครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ (Sansiri Academy)
โครงการแสนสิริ อะคาเดมี่ (Sansiri Academy) เริ่มต้นจากความใส่ใจของคุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นเยาวชนซึ่งเป็นลูกบ้านในโครงการของแสนสิริจำนวนมากที่ใช้พื้นที่ส่วนกลางในโครงการเพื่อการออกกำลังกาย ประกอบกับความใฝ่ฝันที่จะส่งเสริมให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากการเล่นกีฬา และสร้างโอกาสรวมถึงพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับเด็กๆ ที่มีใจรักกีฬาฟุตบอล ให้ได้มีการฝึกฝนและฝึกซ้อมที่ถูกต้อง เพื่อให้มีโอกาสเป็นกำลังสำคัญของชาติในการสร้างประโยชน์สู่สังคม จึงริเริ่มสนับสนุนกีฬาฟุตบอลอย่างจริงจังในปี 2549 ปัจจุบันมีการขยายโอกาสในการเรียนการสอนถึง 6 สนาม ได้แก่ สนามฟุตบอล The Pac พุทธมณฑลสาย 4 ,สนามฟุตบอล บอย ท่าพระจันทร์ อักษะ , สนามฟุตบอลอินเตอร์พรีเมียร์ ประชาชื่น , สนามฟุตบอล Star Kick อ่อนนุช , สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค และโรงเรียนสาธิตพัฒนา รามอินทรา และสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ ภูเก็ต มีจำนวนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมแล้วกว่า 7,000 คน สำหรับการเรียนการสอนจะเริ่มขึ้นในช่วงเช้าทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-10.00 น.