สำหรับการเตรียมการรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร (อุทกภัย/ฝนทิ้งช่วง) ในช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค. นั้น ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน สถานการณ์น้ำและประเมินสถานการณ์เพื่อเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงและแจ้งเตือนเกษตรกรเตรียมรับสถานการณ์ โดยเตรียมพร้อมพื้นที่ คน เครื่องมือ และวิธีการแก้ไข นอกจากนี้ให้ช่วยดูเรื่องปัจจัยการผลิตที่นำไปแจกต้องมีคุณภาพ ราคาไม่แพง รวมทั้งเรื่องปัญหาอื่นๆ อาทิ การฉีดวัคซีน และนมโรงเรียน ขอให้เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลลงไปสุ่มตรวจตามโรงเรียนต่าง ๆ และรายงานให้ทราบเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา และในกรณีที่เกิดปัญหาของเกษตรกร ข้าราชการในพื้นที่จะต้องทราบก่อนเป็นอันดับแรกและลงไปช่วยเหลือทันที
ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ได้กำหนดจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตรเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค และแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด ราคาตกต่ำ โดยสั่งการให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการดังนี้ 1. มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบ (Mr.) ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญในแต่ละชนิดพืช ประมง ปศุสัตว์ สำรวจและจัดทำข้อมูลผลผลิตทางการเกษตรของแต่ละฤดูกาลผลิต ในด้านพื้นที่การผลิตและปริมาณผลผลิต รวมถึงข้อมูลอื่นที่จำเป็นต่อการวางแผนการผลิต โดยจัดทำข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี และคาดการณ์ปริมาณการผลิตทางการเกษตรในปี 2561/2562 พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละปีด้วย 2. ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจเอกชน เพื่อขอทราบข้อมูลความต้องการผลผลิตทางการเกษตรของแต่ละชนิดที่เป็นปัจจุบัน แนวแนวโน้มในอนาคต ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน
"ให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ศึกษาแนวทางตาม พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.2522 ประกอบด้วยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะสามารถอาศัยอำนาจตามกฎหมายดังกล่าวประกาศเขตเศรษฐกิจ เพื่อให้เกษตรกรต้องทำการเกษตรตามแผนการผลิตทางการเกษตรหรือกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ในการผลิต เช่น ต้องทำการเกษตรตามสภาวะแวดล้อม คุณภาพดิน (Zoning By Agri-Map) การรวมกลุ่มทำการเกษตร การปรับเปลี่ยนมาทำการปลูกพืชหรือปศุสัตว์ที่มีต้นทุนต่ำ และตลาดมีความต้องการสูงได้หรือไม่ และเมื่อเกษตรกรรายใดทำการเกษตรกรรมตามแผนดังกล่าวแล้วจะได้รับการช่วยเหลือ และคุ้มครองจากหน่วยงานรัฐเมื่อผลผลิตเสียหาย โดยขอให้เร่งรวบรวมข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ก.ค. 61" นายกฤษฎา กล่าว