ด้านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนนั้น ใช้เอกสารเพื่อการขึ้นทะเบียน คือ บัตรประจำตัวประชาชนและหลักฐานแสดงสิทธิการถือครองที่ดิน หรือสัญญาเช่า ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรแจ้งขึ้นทะเบียนทั้งหมด 6.7 ล้านครัวเรือน ในขณะที่การปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรที่เกษตรกรต้องปรับปรุงทุกปีนั้นมีเพียง 5.7 ล้านครัวเรือนเท่านั้น
สำหรับการแจ้งปรับปรุงใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียว โดยเกษตรกรสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ 3 ช่องทาง คือ 1.แจ้งที่สำนักงานเกษตรอำเภอ 2.แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ใช้ FAARMis 3.แจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น FARMBOOK ด้วยตัวเกษตรกรเอง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรจะตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากฐานข้อมูลจากกรมปกครองและตรวจสอบพื้นที่การเกษตรจากฐานข้อมูลจากกรมที่ดิน แล้วจึงติดประกาศรายชื่อเกษตรกรเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้เกษตรกรตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อ เมื่อประกาศเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในระบบ
ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรจะแสดงให้เกษตรกรทราบในสมุดทะเบียนเกษตรกรซึ่งเป็นสมุดเล่มสีเขียว และแอพพลิเคชั่น FARMBOOK ซึ่งเป็นสมุดทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์ที่เกษตรกรทุกคนสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ โดยข้อมูลที่ปรากฏในสมุดทะเบียนเกษตรกรและแอพพลิเคชั่น FARMBOOK นั้นประกอบด้วยข้อมูล 9 ด้าน คือ 1.ข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน 2. สมาชิกในครัวเรือนและการเป็นสมาชิกองค์กร 3.การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรทั้งที่เป็นของตนเอง ที่ดินเช่า ประเภทเอกสารสิทธิ์ เลขที่เอกสาร และเนื้อที่ตามเอกสาร 4.การประกอบกิจกรรมการเกษตร โดยระบุรายละเอียดของประเภทกิจกรรมการเกษตร วันที่และเนื้อที่ปลูก และวันที่และเนื้อที่ที่จะเก็บเกี่ยว 5.การเข้าร่วมโครงการภาครัฐ 6.รายได้ 7. หนี้สิน 8.เครื่องจักรกลการเกษตร และ9.แหล่งน้ำ
นอกจากนี้กรมส่งเสริมการเกษตรยังใช้ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในการพิจารณาเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐ และส่งข้อมูลไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อประกอบการเข้าร่วมโครงการภาครัฐและจ่ายเงินชดเชยเยียวยา
https://www.youtube.com/watch?v=Fo39Sw0AKYM