นักวิจัย สจล. โชว์ “น้ำส้มสายชูข้าวไร่” ธาตุเหล็กสูง ล้นคุณประโยชน์ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ ในราคาถูกกว่าท้องตลาดถึง 3 เท่า

อังคาร ๒๕ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๑:๒๘
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พัฒนานวัตกรรม "น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวไร่" ผ่านกรรมวิธี และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะธาตุเหล็ก เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนแทนการบริโภคน้ำส้มสายชูกลั่น ซึ่งไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อาทิ ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง เป็นสารอาหารหลักที่สำคัญในการเจริญเติบโต ป้องกันอาการอ่อนเพลีย สมองทำงานได้ดีขึ้น และเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความงามให้กับร่างกาย ผิวพรรณดูเรียบเนียน เล็บเงางาม และช่วยลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม เป็นต้น ทั้งยังสามารถประยุกต์การใช้งานเพื่อฆ่าเชื้อโรค และยืดอายุผลผลิตทางการเกษตร โดยน้ำส้มสายชูดังกล่าว จะมีราคาถูกกว่าน้ำส้มสายชูหมักตามท้องตลาดถึง 3 เท่า หรือมีราคามากกว่าน้ำส้มสายชูกลั่น เพียงหลักสิบบาทต่อลิตร ทั้งนี้ สจล. ตั้งเป้าบูรณาการกับผลผลิตทางการเกษตรประเภทอื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการ ให้แก่น้ำส้มสายชูที่ผลิตขึ้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก

สำหรับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.kmitl.ac.th หรือ www.facebook.com/kmitlnews หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111

ศ.ดร.วราวุฒิ ครูส่ง อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีการหมัก คณะอุตสาหกรรมการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า น้ำส้มสายชู เป็นหนึ่งในส่วนประกอบในการประกอบอาหารหลักสำหรับชาวไทย แต่โดยปกติแล้ว น้ำส้มสายชู ที่เราพบเห็น และได้รับการใช้งานทั่วไปนั้น มักเป็นน้ำส้มสายชูกลั่น สีใส และมีราคาย่อมเยา แต่สิ่งที่ประชาชนอาจยังไม่ทราบคือ น้ำส้มสายชูชนิดนี้ มีประโยชน์เพียงเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติของอาหาร แต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด และแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการผลิตน้ำส้มสายชูหมักจากผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีสารอาหาร แต่ก็ยังมีราคาสูง 8 – 10 เท่า เมื่อเทียบกับราคาน้ำส้มสายชูกลั่น จึงยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นทางเลือกบริโภคแก่ประชาชน ที่ปัจจุบันหันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น สจล. ได้พัฒนานวัตกรรม "น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวไร่" ผ่านกรรมวิธี และเทคโนโลยีใหม่ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน อาทิ จุลินทรีย์หมักที่วิจัยขึ้นมาใหม่ และนวัตกรรมถังหมักแบบพิเศษ เป็นต้น โดยน้ำส้มสายชูดังกล่าว นอกจากจะมีประโยชน์แล้ว ยังมีราคาถูกกว่าน้ำส้มสายชูหมักตามท้องตลาดถึง 3 เท่า หรือมีราคามากกว่าน้ำส้มสายชูกลั่น เพียงหลักสิบบาทต่อลิตรเท่านั้น

ศ.ดร.วราวุฒิ กล่าวเพิ่มว่า น้ำส้มสายชูที่วิจัยขึ้น ไม่เพียงมีประโยชน์เพื่อใช้ในการประกอบอาหาร หรือเพิ่มรสชาติอาหาร แต่ยังหมักมาจากข้าวไร่ ซึ่งมีปริมาณธาตุเหล็กสูง จึงทำให้น้ำส้มสายชูดังกล่าว มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ซึ่งมากกว่าน้ำส้มสายชูหมักทั่วไปถึงร้อยละ 70 โดยธาตุเหล็กมีประโยชน์มากมาย ทั้งมีป้องกันอาการโรคโลหิตจาง เป็นสารอาหารหลักที่สำคัญในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเด็กวัยเจริญเติบโต และผู้หญิง ที่มีประจำเดือน ทั้งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ที่จำเป็นต่อการลำเลียงออกซิเจนของร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันอาการอ่อนเพลีย สมองทำงานได้ดีขึ้น และเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความงามให้กับร่างกาย ผิวพรรณดูเรียบเนียน เล็บเงางาม และช่วยลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม

"สาเหตุที่เลือกใช้ข้าวไร่ เป็นวัตถุดิบในการหมัก นอกเหนือประเด็นคุณค่าทางโภชนาการที่ดีของข้าวไร่แล้ว ข้าวไร่ยังเป็นผลผลิตทางการเกษตรหลักส่วนใหญ่ของชุมชน ที่มีปลูกจำนวนมากในภาคใต้ แต่โดยปกติชาวบ้านเกษตรกรปลูกเพื่อใช้เป็นอาหารกินเอง หรือค้าขายในพื้นที่เท่านั้น และอาจยังประสบอุปสรรคเรื่องคุณภาพข้าว ที่น้อยกว่าข้าวนา จึงทำให้มีราคาถูก และเหมาะกับการทำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรม เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ปลายทาง เพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น"

นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้มากกว่าเพื่อการบริโภค เช่น การพ่นไอน้ำส้มสายชูช่วยยืดอายุ ให้กับผลผลิตทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว หรือนำไปฆ่าเชื้อโรค ในอาหารที่มีอัตราเสี่ยงก่อให้เกิดโรคสูง แทนการใช้สารเคมี โดยเฉพาะกลุ่มผลผลิตที่โดยปกติมักทานสด โดยไม่ผ่านการปรุงร้อน อาทิ ผักชี ต้นหอม เป็นต้น

"น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวไร่" นับว่าเป็นผลผลิตจากนวัตกรรมกระบวนการผลิตที่ทันสมัย โดยทีมวิจัยได้ทำการศึกษา และพัฒนาปัจจัยที่สำคัญต่อกระบวนการหมัก ได้แก่ การพัฒนาจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักใหม่ ซึ่งทำให้น้ำส้มสายชูที่ได้รับมีคุณภาพสูง มากยิ่งขึ้น และ การพัฒนาถังหมักพิเศษเฉพาะ เพื่อให้เกิดกระบวนการหมักเสร็จไวขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลาในการหมักน้อยกว่าน้ำส้มสายชูหมักทั่วไปถึง 10 เท่า หรือเพียง 3 – 4 วัน จากเดิมที่ต้องหมักถึง 30 วัน โดยทีมวิจัยยังตั้งเป้าบูรณาการนวัตกรรมดังกล่าว กับผลผลิตทางการเกษตรประเภทอื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการ ให้แก่น้ำส้มสายชูที่ผลิตขึ้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก ศ.ดร.วราวุฒิ กล่าวสรุป

สำหรับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.kmitl.ac.th หรือ www.facebook.com/kmitlnews หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้