ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียตนามประกาศยกเลิกการรับประทานเนื้อสุนัข ภายในปี 2564

พุธ ๑๐ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๑๙
หลังจากขั้นตอนทางกฎหมายที่ยาวนาน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเลิกรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว เมืองฮานอยได้ประกาศห้ามขายเนื้อสุนัขในหลายอำเภอหลักในเมืองหลวงตั้งแต่ปีพ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

ผู้อำนวยการกรมอนามัยสัตว์ประจำเมือง นายเหงียน งก ซันกล่าวกับหนังสือพิมพ์ลาวด่งว่า "ตามทิศทางของคณะกรรมการประชาชน เกี่ยวกับการลดและเลิกรับประทานเนื้อสุนัข เรากำลังวางแผนที่จะทยอยลดและยกเลิกการฆ่าและการค้าเนื้อสุนัขในที่สุด" "โดยจะยกเลิกการเสริฟเนื้อสุนัขในร้านอาหารในเมืองทั้งหมดให้ได้ภายในปีพ.ศ. 2564"

คณะกรรมการประชาชนขอร้องให้ประชาชนยกเลิกการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว และเร่งให้องค์กรในพื้นที่ทำแคมเปญเพื่อตักเตือนผู้คนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการติดโรคร้าย รวมทั้งโรคที่อาจทำให้ถึงชีวิตได้อย่างโรคพิษสุนัขบ้า และโรคฉี่หนูที่อาจเกิดได้จากการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว

คณะกรรมการกล่าวเสริมอีกว่าการฆ่าและการค้าเนื้อสุนัขและเนื้อแมวยังมีผลด้านลบต่อภาพลักษณ์ของเมืองฮานอยอีกด้วย นายซันกล่าวกับหนังสือพิมพ์ลาวด่ง ว่าปัจจุบันเมืองฮานอยมีร้านอาหารที่ขายเนื้อสุนัขและเนื้อแมวอยู่กว่า 1,013 ร้าน ถึงแม้จะไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอนของจำนวนเนื้อสุนัขและเนื้อแมวในประเทศเวียดนาม แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณห้าล้านตัวต่อปี มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย ซึ่งได้ทำงานใกล้ชิดกับคณะกรรมการประชาชนในเมืองฮานอยมาตลอด เพื่อหยุดการซื้อขายเนื้อสุนัข ทางมูลนิธิฯมีความรู้สึกประหลาดใจแต่ก็มีความดีใจกับการประกาศในครั้งนี้ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ นายจอห์น ดาลลี่ กล่าวว่า "นี่เป็นข่าวที่น่ายินดี เราหวังอย่างยิ่งว่าแผนการนี้จะค่อยๆ กระจายออกไปจนทั่วทั้งประเทศ และเป็นเยี่ยงอย่างให้กับเมืองอื่นๆ ในประเทศเวียดนามด้วย"ไม่มีที่ว่างให้กับความโหดร้ายแบบนี้ในวัฒนธรรมปัจจุบัน เมืองฮานอยเป็นเมืองที่กำลังเติบโตสู่การเป็นเมืองหลวงในศตวรรษที่ 21 และควรละทิ้งการปฏิบัติอย่างยุคมืดออกไป"ตัวแทนของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) ประจำเมืองบ่าวจัน ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า "นี่เป็นข่าวใหญ่ของที่นี่ เป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหัวข้อข่าวในประเทศเวียดนาม และดูเหมือนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอย่างกว้างขวางอีกด้วย"ส่วนประกอบที่สำคัญตอนนี้สำหรับเมืองฮานอยคือการพูดคุย และวางกรอบกฎหมายสำหรับการแบนการค้าเนื้อสุนัขและเนื้อแมว ซอยด็อกมีความยินดียื่นมือช่วยเหลือในทุกวิถีทางที่เราทำได้"มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เป็นกำลังสำคัญในการจัดการกับองค์กรลักลอบจับและขนสุนัขออกนอกประเทศไทย ผ่านประเทศลาวสู่ประเทศเวียดนาม วันนี้การค้าดังกล่าวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มร. ดาลลี่ เคยเป็นสมาชิกคณะกรรมการของรัฐบาลไทยที่ช่วยร่างกฎหมายต่อต้านความโหดร้ายที่มีผลใช้บังคับในปีพ.ศ. 2557 กฎหมายฉบับนี้ยังทำให้การรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมวในประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย

เกี่ยวกับซอยด๊อก

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) ("ซอย" เป็นภาษาไทยหมายถึงตรอกซอย หรือถนน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อนในจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันเป็นองค์กรทางการกุศลที่ดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโรงพยาบาลสัตว์ที่ทันสมัยที่สุดในทวีปเอเชีย ที่ช่วยดูแลสัตว์จรจัด

นอกเหนือจากการช่วยเหลือสัตว์ที่ป่วยและได้รับบาดเจ็บแล้ว (และหาบ้านใหม่สำหรับสัตว์จรจัด - โดยในปีพ.ศ. 2560 เพียงปีเดียวสามารถหาบ้านให้แก่สัตว์จรจัดได้ถึง 600 ตัว) เป้าหมายหลักของมูลนิธินี้ คือการควบคุมประชากรสุนัข โดยการทำหมันและการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยสัตว์จรจัดเหล่านี้จะถูกปล่อยคืนสู่ที่ๆ ถูกจับมา

ปัจจุบันมูลนิธิซอยด๊อก บริการทำหมันและฉีดวัคซีนแก่สุนัขจรจัดประมาณ 6,000 ตัวต่อเดือน และมีการทำหมันสุนัขจรจัดกว่า 230,000 ตัวตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ซึ่งนี่รวมถึงประชากรสุนัขจรจัดกว่าร้อยละ 80 ในจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นโรงการที่ช่วยลดจำนวนประชากรสุนัขจรจัด และทำให้จังหวัดภูเก็ตได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดที่ปลอดโรคกลัวน้ำแห่งแรกในประเทศไทย

มูลนิธิซอยด๊อกได้ดำเนินการในโครงการที่ใหญ่กว่าเดิมมาก ได้แก่ การควบคุมจำนวนสุนัขจรจัดที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 640,000 ตัวในกรุงเทพฯ

มูลนิธิซอยด๊อกมีส่วนช่วยกำจัดการค้าเนื้อสุนัขอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งพบว่าสุนัขนับพันตัว รวมถึงสัตว์เลี้ยงของผู้คนที่ถูกขโมยไปจากประเทศไทยด้วยการบรรทุกในสภาพที่น่าสงสารสู่ประเทศลาวเพื่อนำส่งประเทศเวียดนาม ที่ๆ สัตว์เหล่านี้ถูกฆ่าอย่างทารุณเพื่อนำซากศพไปขายให้ร้านอาหารต่อไป

ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้ได้มาฟรีๆ - มูลนิธิซอยด็อกมีค่าใช้จ่ายกว่า 15 ล้านบาทต่อเดือน (ประมาณ $430,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ EUR385,000 ยูโร หรือ GBP342,000 ปอนด์) เพื่อใช้จ่ายในการบริหารงานในมูลนิธิ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการบริจาคทั้งสิ้น

Facebook: https://www.facebook.com/SoiDogPageInEnglish/

Instagram: https://www.instagram.com/soidogfoundation/

Youtube: https://www.youtube.com/user/SoiDogFoundation/

Twitter: @mad4soidogs

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๘:๒๑ งานวิจัย Kaspersky เผย ผลร้ายจากภัยคุกคามเป็นตัวกระตุ้นรูปแบบพฤติกรรมทางไซเบอร์ของนักการศึกษามากที่สุด
๐๘:๓๓ ซินเน็คฯ จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมกางแผนสร้างการเติบโต สู่เป้ารายได้ 40,000
๐๘:๓๘ BRR ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น แบบ Hybrid ประจำปี 2567 ผถห. เคาะจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น - ชูสตอรี่ ESG สู่ความยั่งยืน
๐๘:๑๖ DEMI HAIR CARE SCIENCE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผมเสียอย่างล้ำลึก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
๐๘:๓๔ ซีอีโอ BBGI ร่วมงาน OECD Global Forum on Technology ขึ้นเวทีเสวนาระดับโลกในหัวข้อ Sustainable Production ที่กรุงปารีส
๐๘:๒๓ ฟันโอ-ทิวลี่ คว้ารางวัล 2023 Top Influential Brands Award สุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด
๐๘:๔๗ เฮอริเทจ จัดโปรแรง เอาใจคนรักผลไม้ ลดสูงสุดกว่า 15%
๐๘:๕๘ ต้อนรับฤดูร้อนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนกับ GAMBERO ROSSO DI MAZARA กุ้งแดงมาซาร่า-ราชินีแห่งท้องทะเลซิซิลี ที่ห้องอาหารอิตาเลียน
๐๘:๔๐ Tinder ส่งฟีเจอร์ใหม่ Share My Date แชร์แผนการออกเดทในแอพฯ แบบเรียลไทม์ให้เพื่อน-ครอบครัว
๐๘:๐๘ เลี้ยงลูกตามใจ ไม่เคยขัดใจ เด็กอาจเสี่ยงเป็นฮ่องเต้ซินโดรม