ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมอาศัยน้ำฝนและสภาพดินขาดความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการดำเนินงานของ ส.ป.ก. เพียงหน่วยงานเดียวในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่จำเป็น ด้วยงบประมาณที่จำกัดทำให้การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปด้วยความรวดเร็วและให้พี่น้องเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส.ป.ก. จึงขอความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้ง 8 หน่วยงาน ให้มาช่วยกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว ซึ่งทั้ง 9 หน่วยงานจะดำเนินงานตาม MOU ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่และงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน โดย ส.ป.ก. จะดูแลเรื่องการอนุญาตใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน กรมชลประทานจะสนับสนุนงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะให้การสนับสนุนเรื่องการขยายเขตไฟฟ้า กรมทรัพยากรน้ำจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการอนุรักษ์ฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะเข้ามาร่วมพัฒนาและจัดหาแหล่งน้ำบาดาล กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานจะให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน กรมพัฒนาที่ดินจะช่วยแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับความเหมาสมของสภาพดินและการพัฒนาคุณภาพดิน กรมส่งเสริมการปกครอง.
- ๒๓ เม.ย. กรมประมง…ขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
- ๒๓ เม.ย. พด. ขานรับนโยบาย "รมว.ธรรมนัส" ผลิตน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงจาก "ปลาหมอสีคางดำ" ใช้ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ผัก ไม้ผลเศรษฐกิจในแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเพชรบุรี
- ๒๓ เม.ย. กระทรวงเกษตรฯ รณรงค์เปลี่ยนซังข้าวโพดและเศษพืช เป็นปุ๋ยหมักบำรุงดิน ลดปัญหาหมอกควันและ PM 2.5