เจาะลึก! หลักสูตร“เชฟนักวิทย์ฯ” สจล. หลักสูตรปรุงวิทยาศาสตร์กับความอร่อยดีเอนเอเชฟพันธุ์ใหม่ที่คนทั้งโลกรอชิม

จันทร์ ๒๙ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๕:๑๘
เรื่องกินเรื่องใหญ่! อาหารปัจจัยหลักที่คนแทบจะขาดไม่ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำยุคในปัจจุบัน ได้เกิดการสร้างสรรค์เทรนด์อาหารแนวใหม่ที่ถูกเรียกว่า ซุปเปอร์ ฟู้ด (Super Food) เช่น น้ำนมจากพืช พืชผักออร์แกนิค ธัญพืช เป็นต้น โดยสิงคโปร์ถือเป็นชาติแรกในอาเซียนที่ผลักดันซุปเปอร์ ฟู้ดให้เกิดขึ้นจริง และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมของประเทศ สิงคโปร์ จัดอยู่ในลำดับที่ 4 ใน 10 ประเทศที่มีประชากรอายุยืนของโลก

แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศเล็กๆ ที่แทบไม่มีต้นทุนด้านวัตถุดิบในการผลิตอาหาร แต่สิงคโปร์คือศูนย์กลางการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ลำดับต้นๆ ของเอเชีย ทำให้สิงคโปร์เองมีความเป็นเมืองสูงด้วยและส่งผลต่อไลฟ์สไตล์สิงคโปร์เรี่ยน ที่มักจะบริโภคอาหารที่เน้นความรวดเร็วแต่คงคุณค่าโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีในแบบฉบับคนเมือง สำหรับประเทศไทย ทางออกจากวงจรกับดักประเทศสุขภาพย่ำแย่นั้น จำเป็นจะต้องพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของประชากรในแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างกันตามหลักโภชนาการ

รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ปิ่นศิโรดม คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางอาหารได้นั้นคือ การผลิตเชฟนักวิทยาศาสตร์การปรุงอาหารมืออาชีพขึ้น เพื่อพัฒนาอาหารให้มีรสชาติที่ถูกปาก ราคาสบายกระเป๋า และอัดแน่นด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ การสร้างสรรค์การปรุงอาหารจะต้องรู้วิทยศาสตร์ของอาหารและเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ โดยคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดหลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์การปรุงอาหาร หรือ Culinary Scientific Chef ยกระดับการสร้างสรรค์นวัตกรรมการปรุงอาหาร

การปฏิวัติวงการอาหารไทยให้หลุดจากกับดักประเทศสุขภาพย่ำแย่ ด้วยต้นทุนวัตถุดิบประกอบอาหารแหล่งใหญ่ของโลก ตั้งเป้าปั้นเชฟนักวิทยาศาสตร์การปรุงอาหารมืออาชีพหนุนภาคบริการรากฐานเศรษฐกิจหลักของประเทศ และเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานจากวัตถุดิบที่มีอยู่รอบตัว โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ แต่มีความสามาถในการลงทุนกับอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ ดังนั้น อุตสาหกรรมอาหารจำเป็นต้องปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมการปรุงอาหารขึ้น การปั้นเชฟนักวิทยาศาสตร์การปรุงอาหารจะเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์สุขภาพที่ดีให้กับคนไทย โดยหลักสูตรดังกล่าวมีความพิเศษ ได้แก่

1. เรียนวิทยาศาสตร์ ผสมศิลปะการปรุงอาหาร

หลักสูตรวิทยาศาสตร์การประกอบอาหารและการจัดการการบริการอาหาร (Culinary Science and Food Service Management) หรือหลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์ เป็นการเรียนการสอนครั้งแรกในประเทศไทย ที่บูรณาการวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับศิลปะการปรุงอาหารทั้งอาหารไทยและนานาชาติ โดยน้องๆ จะได้เรียนกับอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ในวิทยาศาสตร์การอาหาร โภชนาการ และเทคโนโลยีอาหาร และเชฟที่มีความชำนาญในศิลปะการประกอบอาหาร เรียนรู้เทคนิคในการบริการทางอาหารที่สามารถต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างมืออาชีพได้ เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาในธุรกิจด้านอาหารได้ ในห้องครัวมาตรฐานสากลและห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์อาหารที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย

2. เรียนสองสถาบันไทย – สวิสเซอร์แลนด์ ความรู้เข้มข้นในระดับมาตรฐาสากล

สำหรับการเรียนการสอนในหลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์นี้ เป็นการเรียน 4 ปี โดยแบ่งเป็นเรียนที่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นเวลา 3 ปี เรียนที่สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ 1 ปี โดยการเรียนการสอนที่ สจล. จะเป็นการเรียนในด้านวิทยาศาสตร์อาหารและปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการประกอบอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ในห้องครัวระดับมาตรฐานสากล ส่วนการเรียนการสอนที่สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จะเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้ในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติโดยแบ่งเป็น การศึกษาศิลปะการปรุงอาหารตะวันตกขั้นสูง (Higher Western Culinary Arts) และการจัดการธุรกิจบริการอาหาร (Food Service Management).

3. หลักสูตร 4 ปี 3 ปริญญา : ไทย – สวิสเซอร์แลนด์ – สหราชอาณาจักร

หลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์ เป็นความร่วมมือของ 3 สถาบันในการออกแบบโครสร้างหลักสูตร คือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Business and Hotel Management School – BHMS) จากมหาวิทยาลัยโรเบิร์ต กอร์ดอน สหราชอาณาจักร จากความร่วมมือกันนี้ทำให้น้องๆ นอกจากจะได้ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์แล้ว ยังจะได้รับปริญญาถึง 3 วุฒิ คือ วิทยาศาสตร์บัณฑิต (วิทยาศาสตร์การประกอบอาหารและการจัดการธุรกิจอาหาร) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศิลปศาสตร์บัณฑิต (ศิลปะการปรุงอาหาร) จากสถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (BHMS) และศิลปศาสตร์บัณฑิต (ศิลปะการปรุงอาหาร) จากมหาวิทยาลัยโรเบิร์ต กอร์ดอน สหราชอาณาจักร

4. การฝึกงานกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ระดับโลก พร้อมค่าตอบแทน

หลักสูตรวิทยาศาสตร์การประกอบอาหารและการจัดการการบริการอาหาร หรือเชฟนักวิทยาศาสตร์นี้ น้องๆ จะได้ฝึกปฏิบัติการครัวจริงตลอดหลักสูตร รวมไม่น้อยกว่า 1,000 ชั่วโมง และได้ฝึกปฏิบัติการครัวแบบมีค่าตอบแทนเป็นเวลา 6 เดือน ณ สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งนักศึกษาจะได้ฝึกปฏิบัติในโรงแรมและร้านอาหารพาร์ทเนอร์ชั้นนำของโลก อาทิ ฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน (The Ritz-Carlton) แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) พาร์ค ไฮแอท (Park Hyatt) โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ (Hotel Ambassador) เป็นต้น

5. ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง กับการศึกษาใน 2 ประเทศ

สำหรับน้องๆ ที่เข้ามาศึกษาในหลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์ น้องๆ จะได้ใช้ชีวิตหลักอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แคมปัสลาดกระบังนอกจากน้องๆ จะได้เรียนในห้องแล้ว ยังจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเพื่อนๆ อย่าใกล้ชิด ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เช่น ค่ายอาสาพัฒนาชนบท ค่ายอาสาติวน้องม.ปลาย รับน้องรถไฟสจล. ฯลฯ และการใช้ชีวิต 1 ปีของหลักสูตรที่ เมืองลูเซิร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ น้องๆ จะได้ใช้ชีวิตในบริเวณแคมปัสของสถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ที่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย คุณภาพชีวิตที่ดี และมีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรม นอกจากนี้ น้องๆ ยังจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น งานเลี้ยงนักศึกษาแลกเปลี่ยน การท่องเที่ยวในสวิสเซอร์แลนด์ การเล่นกีฬา ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการทำกิจกรรมนอกเหนือจากการเรียนและการฝึกปฏิบัติงานครัวแบบมีค่าตอบแทน

สำหรับใครที่สนใจข้อมูลการศึกษาต่อใหลักสูตรเชฟนักวิทยาศาสตร์การปรุงอาหาร ครั้งแรกของประเทศไทยในการปั้นนวัตกรทางอาหารเพื่อยกระดับวงการอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าศึกษาต่อได้ที่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ www.facebook.com/agro.industry.kmitl หรือ http://www.agroind.kmitl.ac.th หมายเลขโทรศัพท์ 02 – 329 – 8526

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๓๗ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่สุดของแอร์ที่ผู้บริโภคไว้วางใจ 24 ปีซ้อน
๐๙:๕๑ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เปิดประกวดราคางานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารว่าง บริเวณถนนราชดำเนินกลาง จำนวน 5 อาคาร อาคารหมายเลข 4, 13, 14, 17 และ
๐๙:๑๕ KJLล่องใต้ จัดสัมมนา รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หวังเพิ่มเครือข่ายช่างไฟ KJL Network เป็น 10,000
๐๙:๐๖ PwC เผย 67% ซีอีโอไทยหวั่นธุรกิจของตนจะไปไม่รอดในทศวรรษหน้า หลังเจอแรงกดดัน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ
๐๙:๒๘ PROUD จัดสัมมนา เจาะลึกทำเลหัวหิน ศักยภาพ และโอกาสในการซื้ออสังหาฯ ย้ำดีมานด์คอนโดฯ ระดับลักชัวรียังดี
๐๘:๓๙ ซัมซุงชูวิสัยทัศน์หลัก Lead Future of AI Innovation ประกาศเป็นผู้นำใช้ AI สร้างนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งอนาคต AI CE ตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่ง AI-Product
๐๘:๐๔ PAW IT UP! เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ย้ำจุดยืน Pet Family Residences ผนึก 2 แบรนด์แกร่ง โมเดอร์นฟอร์ม และ NocNoc
๐๘:๕๑ OR คว้า 5 รางวัล ในงาน 2023-2024 Thailand's Most Admired Brand ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคไว้วางใจมากที่สุด
๐๘:๐๐ มกอช. ลงพื้นที่ลำพูน หนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ ใช้ระบบ QR Trace on Cloud และ
๐๘:๒๐ DEK FILM SPU สุดเจ๋ง! คว้ารางวัลชนะเลิศ เด็นโซ่ Tiktok Contest