นายวิบูลย์ เสรีชัยพร ผู้จัดการฝ่ายการบริหารลูกค้า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า จากการนำร่องเปิดให้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) กับบริการอีเอ็มเอสภายในประเทศ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา พบว่า บริการดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณการใช้บริการสูงสุดกว่า 60,000 รายการต่อวัน ในช่วงเดือนเมษายน 2562 ซึ่งเป็นผลให้ยอดการใช้บริการสะสมในช่วง 4 เดือนแรกมีปริมาณเติบโตทะลุ 1 ล้านรายการ ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย คาดว่ายอดการใช้บริการดังกล่าว จะเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ที่ยกระดับมาตรฐานส่งถึงในวันเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
"บริการเก็บเงินปลายทาง ถือเป็นบริการที่ตอบโจทย์ผู้ค้าส่วนใหญ่ ทั้งในเรื่องการเก็บเงินได้เร็ว และโอนเงินคืนเร็วภายใน 2 วัน อีกทั้งไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 3% ล่วงหน้า จนกว่าจะได้รับเงินจากลูกค้าปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"
อย่างไรก็ตาม บริการเก็บเงินปลายทางของไปรษณีย์ไทยใช้คู่กับแอปพลิเคชัน Wallet@Post ซึ่งอำนวยความสะดวกในการชำระเงินแก่ผู้ซื้อสินค้า ได้ทั้งในรูปเงินสด เงินในบัญชี Wallet@POST และสแกน คิวอาร์โค้ดเมื่อใช้กับโมบายแบงกิ้ง (Mobile Banking) ได้ทุกธนาคารพาณิชย์ของไทย โดยที่ผู้ขายสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ฟรี แบบไม่มีค่าธรรมเนียม ขณะที่ผู้ขายที่มีบัญชีธนาคารอื่น ๆ หรือเลือกรับเงิน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ จะมีค่าธรรมเนียมรายการละ 20 บาท
ผู้สนใจสามารถติดต่อใช้บริการเก็บเงินปลายทางได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545