การพัฒนานวัตกรรมตามความต้องการของภาครัฐ คือแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทาย ของหน่วยงานภาครัฐทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ซึ่งผลิตภัณฑ์/บริการ หรือ Solution ที่ ต้องการใช้นั้น อาจยังไม่มีจำหน่ายหรือให้บริการในประเทศ หรือยังไม่สามารถระบุคุณสมบัติได้ อีกทั้งยังต้อง อาศัยการวิจัยและพัฒนาอีกระยะหนึ่ง แนวคิดนี้เรียกอีกอย่างว่า Research Procurement หรือ RDI for Government Demand
การดำเนินการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ช่วงการศึกษาแนวคิดและความเป็นไปได้ ช่วงการพัฒนาต้นแบบ และช่วงการผลิตต้นแบบจำนวนหนึ่งเพื่อทดลองใช้งานและทดสอบคุณภาพ หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้กำหนด ความต้องการจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานวิจัย/สถาบันการศึกษา ร่วมกับภาคเอกชน ส่งข้อเสนอโครงการเพื่อ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์และความต้องการดังกล่าว โดยในแต่ละช่วงอาจมีหลายทีมได้รับ การสนับสนุนทุนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอ และเมื่อสิ้นสุดการดำเนินการในแต่ละระยะจะมีการประเมินผลงานและคัดเลือกทีมที่มีผลงานมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จสูง เพื่อดำเนินการในช่วงต่อไป จนกระทั่งสิ้นสุด ระยะที่ 3 ภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำนวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาไปผลิตหรือให้บริการ ในเชิงพาณิชย์ แล้วนำมาขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างเพื่อใช้ในการ แก้ปัญหาความท้าทายในวงกว้างต่อไป
โดยการดำเนินการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่การส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐริเริ่ม โครงการนวัตกรรมช่วยสร้างวัฒนธรรมในการใช้การวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาของประชาชนลดการนำเข้า และพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการ พัฒนานวัตกรรมโดยผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยและสถาบันอุดมศึกษา สามารถลดขั้นตอนและ ระยะเวลาในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทำให้งบประมาณของรัฐที่ใช้ในการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเกิด ความคุ้มค่าทั้งในภาครัฐ การวิจัย ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม และเมื่อนวัตกรรมสามารถขึ้นทะเบียน บัญชีนวัตกรรมไทยได้ ภาครัฐสามารถใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างตรงตามความต้องการ เพราะ เป็นผู้กำหนดโจทย์ตั้งแต่ต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของการดำเนินนโยบายบัญชีนวัตกรรมไทยด้วยอีกทาง หนึ่ง เกิดความคุ้มค่าและเป็นไปตามวินัยทางการเงินและการคลังของรัฐ เกิดการพัฒนาและถ่ายทอด เทคโนโลยีไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง และยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาของประเทศให้ สูงขึ้น อันจะทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะยาวจะลด การขาดดุลชำระเงินทางเทคโนโลยี รวมถึง เป็นเพิ่มความมั่นคงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป