อีซูซุเปิดเส้นทางท่องเที่ยวสู่ทวาย สนุก ท้าทาย ครบรส

จันทร์ ๑๙ สิงหาคม ๒๐๑๙ ๑๔:๒๗
ประชาคมอีซูซุจากทั่วประเทศ ร่วมท่องเที่ยวคาราวานครอบครัวแบบทริปเดียวจบ ครบทุกรส ตามสโลแกน "ความสุข...สนุกทุกพิกัด!" กับเส้นทางที่ 3 "อีซูซุ คาราวานสัญจร 2019" คาราวานท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทย (กาญจนบุรี) – ประเทศเมียนมาร์ (ทวาย) นำสมาชิกประชาคมอีซูซุ 25 คันจากทั่วประเทศ และคณะสื่อมวลชนร่วมกว่า 130 ชีวิต ขับรถท่องเที่ยวพร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบคาราวานทางรถยนต์สู่ "เมืองทวาย" ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ของประเทศเมียนมาร์ ดินแดนแหล่งรวมอารยธรรมที่ยังคงไว้ซึ่งความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามิเสื่อมคลายของชาวเมียนมาร์ ชมวิถีชีวิตและศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ วัดวาอารามอันเก่าแก่ และพระเจดีย์องค์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองทวายอันงดงาม

เริ่มต้นการเดินทาง สมาชิกคาราวานนัดพบกัน ณ บริษัท อีซูซุกาญจนบุรี จำกัด โดยมี คุณปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานกาญจนบุรี มิสเตอร์เอช คาโต้ ผู้จัดการฝ่ายขายดีลเลอร์-บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวาน ร่วมให้การต้อนรับและตีธงปล่อยขบวนรถอีซูซุคาราวานสัญจรเส้นทางที่ 3 ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างประเทศ คณะคาราวานทั้ง 25 คันา ประกอบด้วยรถอีซูซุมิว-เอ็กซ์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ รถอีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ และรถอีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4x4 ต่างขับรถมุ่งสู่ด่านพุน้ำร้อน (ประเทศไทย) ซึ่งห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ราว 1 ชั่วโมง ไปยังด่านติกิ (ประเทศเมียนมาร์) เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองทวาย ดินแดนทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมาร์ ด้วยระยะทางเพียง 170 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางถึงกว่า 8 ชั่วโมง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้ต้องพบกับอุปสรรคของเส้นทางในหลากหลายรูปแบบ ทั้งดินโคลน หลุมบ่อจำนวนมากที่ถูกน้ำฝนกัดเซาะ ตลอดจนต้องผ่าน "เขาช้างร้อง" ที่สูงชัน และคดโค้งหลายช่วง น้ำท่วมบางเส้นทาง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดด้วยสมรรถนะอันแข็งแกร่ง และช่วงล่างที่ทนทานของอีซูซุ จึงทำให้สามารถผ่านมาได้อย่างปลอดภัย จบทริปวันแรกด้วยงานเลี้ยงอันแสนอบอุ่น ประทับใจ พร้อมการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวเมืองทวายในชื่อชุด "เสน่ห์ตะนาวศรี" โดยมีการแสดง "ระบำหม้อน้ำ" เป็นไฮไลท์

เช้าวันที่สอง สมาชิกคาราวานอีซูซุได้ท่องเที่ยวใน "เมืองทวาย" ซึ่งแม้จะพบกับช่วงพายุ ฝนในวันนี้ แต่คณะของเราก็ไม่หวั่น ยังคงเดินทางท่องเที่ยวสู่จุดหมายตามกำหนดการที่ตั้งใจไว้ โดยวัดแห่งแรกที่ไปคือ "วัดชินตาเลียว" (Reclining Buddha of Dawei) หรือพระนอนเมืองทวาย เป็นพระนอนองค์ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลตะนาวศรี และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศเมียนมาร์ มีความยาวถึง 74 เมตร สูง 21 เมตร อายุเกือบ 100 ปี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน โดยสังเกตได้จากเท้าของพระพุทธรูปจะสร้างแบบเสมอกัน พระนอนองค์นี้ตามประวัติเล่าว่า มี 1 ในพระ 14 รูปแห่งเมียนมาร์ที่เก่งมาก สามารถท่องพระไตรปิฏกได้ มาสร้างไว้ และจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ต่อมาเพื่อระลึกถึงเจ้าอาวาสท่านนี้ ชาวบ้านจึงได้นำพระไตรปิฎก 3 เล่มบรรจุไว้ใต้เศียรของพระพุทธรูป

วัดต่อมาคือ "วัดชินเต๊าป่ง" (Shin Taunk Pone Pagoda) เป็น 1 ใน 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทวายเลื่อมใส คำว่า เด๊าป่ง หมายถึง มากองแล้วฝังเอาไว้ การเดินทางไปวัดนี้ต้องนั่งรถสองแถวจากด้านล่างขึ้นไปประมาณ 10 นาที เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 2,000 กว่าฟุต มีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชมวิวเมืองทวายทั้งหมดได้จากระเบียงวัด แต่น่าเสียดายวันที่คณะคาราวานของเราไปนั้น ได้พบแต่ละอองฝน และหมอกหนา เนื่องจากฝนตกหนัก วัดแห่งนี้ตามตำนานเล่าว่าพระมเหสีในอดีตได้ยินว่าจะมีพญานกยูงสีทองมาเดินเล่นในป่า พระองค์อยากได้มาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ราชวังของตน จึงสั่งให้นายพรานฝีมือดีไปตามล่า นายพรานวิ่งตามไปจนถึงเนินเขา แต่ปรากฏว่าไปเจอพระอรหันต์แทนนกยูง พระท่านเทศนาจนนายพรานเกิดเห็นธรรม จึงเอาธนูและข้าวของฝังไว้พร้อมสร้างเจดีย์ขึ้นมา หลังจากนั้นนายพรานจึงออกบวช

จุดหมายต่อมาคือการหาซื้อของฝากจากเมืองทวาย ที่ตลาด Mingalar หรือตลาด 100 ปี ซึ่งตลาดนี้จะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นผงทานาคาสำหรับประทินผิวของสาวๆ ถั่วตัดของอร่อยขึ้นชื่อของประเทศเมียนมาร์ กุ้งแห้งอันเลื่องชื่อ และผ้าพื้นเมืองที่เป็นลวดลายเฉพาะ มีขายแค่ที่เมืองทวายเท่านั้น ทุกคนต่างเลือกซื้อสินค้ากลับมาเป็นของฝากกันอย่างถ้วนหน้า จ่ายเงินกันเป็นหมื่นจ๊าดเลยทีเดียว จากนั้นก็แวะเติมพลังมื้อกลางวัน ณ ร้านกุหลาบ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสนามกอล์ฟเมืองทวาย อาหารอร่อย รสชาติดี พนักงานบริการเป็นเยี่ยม

เมื่ออิ่มท้อง สมาชิกคาราวานอีซูซุได้เดินทางต่อไปยัง "วัดชินเต๊าเถ่ง" (Shin Tauk Htein) 1 ใน 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมียนมาร์เลื่อมใส ตั้งอยู่บนเนินเขาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้ตัวเมืองทวาย ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปเก่าแก่ 3 องค์ที่ชาวบ้านศรัทธามาแต่โบราณ ตำนานเล่าว่ามีเกษตรกร 2 สามีภรรยา ไปขุดเนินนี้แล้วเจอพระพุทธรูปอายุประมาณ 1,000 ปี จึงสร้างวัดขึ้นมาตรงจุดที่พบพระพุทธรูป ชาวเมียนมาร์เชื่อว่าท่านเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมจนถึงปัจจุบันมีขนาดใหญ่ขึ้น 5 นิ้ว และบางครั้งสีตาของพระพุทธรูปก็เปลี่ยนไปจากปกติ เชื่อกันว่าเมื่อมาที่นี่สามารถขอให้ได้ฌาน มองอนาคตได้ และบรรลุในธรรม

วัดที่ 4 ของทริปนี้คือ "วัดเมียวยิต" (Myaw Yit Pagoda) ที่เกาะลอย Se Pin เป็นวัดหนึ่งของทวายที่มีพื้นที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ติดชายทะเลฝั่งอันดามัน มีสะพานปูนทอดยาวไปยังเกาะที่เป็นที่ตั้งของวัดเมียวยิต และเจดีย์เมียวยิต นักท่องเที่ยวจะเห็นชายหาดยาวเรียบทะเล มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนโขดหินก่อนเข้าถึงวัดเมียวยิต ด้านในวัดเมียวยิตมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และเจดีย์อีกมากมาย วัดนี้จึงเป็นวัดที่นักท่องเที่ยว และชาวเมียนมาร์มาสักการะเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังได้เห็นวิวสวย ๆ ริมทะเลอันดามัน แต่น่าเสียดาย ช่วงที่คณะเราไปถึงมีพายุฝน ลมแรงมาก แม้ตัวจะแทบปลิว แต่ก็ไม่อาจต้านทานความศรัทธาของชาวคณะเราได้ ทุกคนต่างเดินข้ามสะพานมุ่งหน้าไปยังเกาะลอย เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้ ให้แคล้วคลาดปลอดภัยตลอดการเดินทาง จากนั้นจึงเดินทางไปรับประทานอาหารค่ำ ณ ร้าน Bamboo Garden อิ่มอร่อยกับอาหารทะเล กุ้งล็อบสเตอร์ตัวโตจากทะเลทวาย สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมคาราวานเป็นอย่างยิ่ง

อีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลย "วัดชเวตองซา" ร่วมสักการะพระเจดีย์ชเวตองซา (Shwe Taung Sar Zedi) วัดสำคัญของเมืองทวาย มีองค์พระเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองทวาย จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปโลกะมารชินปางมารวิชัย อายุ 140กว่าปี วัดแห่งนี้ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2304 มีอายุมากกว่า 250 ปี มีพิพิธภัณฑ์แสดงวัตถุโบราณต่างๆ มากมาย อาทิ ปืนใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธรูปสำริดศิลปะแบบไทย และดาบสมัยโบราณ ชาวทวายนิยมมาไหว้พระขอพรยามค่ำคืน จบทริปแบบอิ่มบุญ อิ่มใจกันถ้วนหน้า ปิดท้ายด้วย "วัดชินดะเวย" (Shin Dat Wae Pagoda) อีก 1 ใน 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมียนมาร์เลื่อมใส วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดของเมืองทวาย มีประวัติยาวนานกว่าพันปี นับเป็นการปิดท้ายทริปได้อย่างประทับใจ

กิจกรรม "อีซูซุคาราวานสัญจร" ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถอีซูซุทั่วประเทศอย่างมาก ก่อเกิดประชาคมอีซูซุหลายครอบครัว รวมตัวกันเพื่อร่วมกิจกรรมสุดแสนสนุกเช่นนี้ในทุกๆ ปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์เพื่อกระตุ้นศรษฐกิจของชาติแล้วนั้น ยังช่วยเสริมสร้างให้ประชาคมอีซูซุมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย ร่วมติดตามเรื่องราวความสนุกของ "อีซูซุคาราวานสัญจร" ประจำปี 2019 ใน เส้นทางสุดท้ายภาคใต้ ได้ที่ www.isuzu-tis.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4