นุ่น-ศิรพันธ์ และ พริม-พริมา เดินสายสร้างแรงบันดาลใจการอ่านภาคอีสานกับโครงการส่งความรู้สร้างความสุขปี 2

จันทร์ ๐๒ กันยายน ๒๐๑๙ ๑๗:๒๗
สองนักแสดงมากความสามารถ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา และพริม-พริมา พันธุ์เจริญ เดินสายร่วมสร้างแรงบันดาลใจในฐานะ "ทูตการอ่าน" กับกิจกรรม SCHOOL ROADSHOW กับโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุขปี 2 " ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และร้านนายอินทร์ โดยนุ่น-ศิรพันธ์ เดินทางไปร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนอนุบาลบ้านเหนือเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี และพริม-พริมา เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านโดท่างาม จังหวัดมหาสารคาม ร่วมแชร์ประสบการณ์สร้างแรงบันดาลใจรักการอ่านและเล่านิทานที่สอดแทรกความรู้และให้ข้อคิดดีๆให้กับน้องๆบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา เผยว่า "อยากขอบคุณที่เชิญมาเป็นทูตการอ่านร่วมโครงการส่งความรู้สร้างความสุขปี 2 ในครั้งนี้ กิจกรรมในครั้งนี้ทำให้น้องๆได้เห็นว่าการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่สนุกและยังได้รับความรู้ โดยส่วนตัวแล้วนุ่นเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว จนถึงทุกวันนี้ยังชอบอ่านหนังสือเพราะรู้สึกว่าการอ่านเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ทำให้เราสามารถนำเอาความรู้จากเรื่องต่างๆมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเราได้ น้องๆจะมีความรู้มีรากฐานที่ดีถ้ารักการอ่าน นุ่นคิดว่าการอ่าน 15 นาทีเป็นเวลาที่ดีสำหรับการเริ่มต้นที่จะอ่าน เป็นช่วงเวลาที่ไม่น้อยจนเกินไปและไม่มากจนเกินไป เราเริ่มวันละนิดวันนี้15 นาที พรุ่งนี้ 15 นาที เราจะเริ่มเคยชินกับการอ่านและเริ่มมีสมาธิ อย่าเชื่อที่นุ่นพูดค่ะอยากให้ลองมันจะไม่เกิดผลอะไรถ้าหากทุกคนยังไม่ได้ลองแล้วจะรู้ว่ามันมีความมหัศจรรย์ของเลข 15 นาทีจากการอ่านนี้อยู่ค่ะ"

พริม-พริมา พันธุ์เจริญ เผยว่า "รู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งความรู้สร้างความสุขปี 2 สร้างความสุขให้กับน้องๆที่โรงเรียนบ้านโดท่างาม จังหวัดมหาสารคาม และประทับใจในช่วงกิจกรรม Booktalk ซึ่งมีน้องๆที่รักการอ่านมาร่วมกิจกรรมกันเยอะมาก ส่วนตัวของพริมแล้วจะอ่านหนังสือเป็นเล่มแบบผ่านๆ หรือการอ่านบทละครที่ต้องใช้ความจำ ก็จะอ่านภาพรวมแล้วมาเน้นจุดสำคัญอีกครั้งจะช่วยให้เราจำได้ดี พริมจะชอบอ่านหนังสืออ่านเล่นที่ให้ข้อคิดดีๆ เป็นหนังสือที่อ่านง่ายและสามารถนำคำแนะนำจากในหนังสือมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ จริงๆแล้วการอ่านหนังสือวันละ 15 นาที ต่อวันไม่ใช่เวลาที่เยอะ ถ้าน้องๆอ่านหนังสือสะสมไปทุกวันก็จะเป็นคนที่มีความรู้เราไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้ ความรู้ในหนังสือเป็นสิ่งที่สามารถเก็บติดตัวไว้ได้ตลอด เมื่อเวลาผ่านไปเราสามารถนำออกมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเรามีเยอะมากแค่ไหนเราก็สามารถนำเอาออกมาใช้ได้เยอะเท่านั้น อยากให้น้องๆลองอ่านหนังสือวันละ 15 นาทีดูนะคะ"

เรียกได้ว่าเป็น 3 สาวนักอ่านตัวจริงที่เยาวชนรุ่นใหม่ควรนำเป็นตัวอย่างมากทีเดียว สามารถติดตามภาพกิจกรรมและความสนุกจากการอ่านกันได้ทางแฟนเพจ The Happy Read

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest