ก้อย" หรือ น.ส.วิภาวรรณ โอฬารวงศ์เจริญ วัย 32 ปี ทำงานที่โรงงานแห่งนี้มา 8 ปีแล้ว ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่สารบรรณระบบมาตรฐาน เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า RBF COFFEE ทำให้พนักงานและคนงานได้ดื่มกาแฟคุณภาพ ราคาไม่แพง พนักงานหลายคนยังมีรายได้เสริมจากการทำข้าวกล่อง ทำขนม มาฝากขายที่ร้านกาแฟ ซึ่งก้อยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีรายได้เสริมจากการทำขนมไทย ที่เธอและพี่สาวช่วยกันทำและมาฝากขายที่ร้าน อาทิ กล้วยบวชชี สาคูข้าวโพด ข้าวเหนียวถั่วดำ ฟักทองนึ่ง กล้วยต้ม ข้าวเหนียวเปียกข้าวโพด ในราคาเพียง 15 บาทเท่านั้น และมีจำนวนจำกัดเพียง 15-20ถุงต่อวัน ก้อยบอกว่า รายได้จากการขายขนมวันละ 200 กว่าบาท ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน แต่สิ่งที่สร้างความสุขมากกว่า คือ เวลาที่มีคนซื้อขนมไทยของเธอไปทานแล้วทุกคนต่างชมว่าอร่อย
น.ส.สุจิตรา นิยาย หรือยุ้ย อายุ 39 ปี พนักงานขายกาแฟ ซึ่งดูแลร้านกาแฟ RBF COFFEE เล่าว่า เธอเคยทำอาชีพเซลล์ขายรถมาก่อน แต่ด้วยค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงและไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทำให้ตัดสินใจออกจากงานมาดูแลร้านกาแฟของโรงงาน แม้ว่าสามีของเธอจะทำงานที่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรีของซีพีเอฟมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่การเข้ามาทำงานในร้านกาแฟก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการของโครงการร้านกาแฟสด ปัจจุบัน ยุ้ยยังมีรายได้จากการทำข้าวกล่องมาขายให้พนักงานและคนงานในราคากล่องละ 25-30 บาท วันละ 20-25 กล่อง
"คุณภาพชีวิตทุกวันนี้ดีกว่าเดิมมาก นั่งรถมาทำงานพร้อมกับสามี ใช้รถเพียงคันเดียว ประหยัดค่าใช้จ่ายลง มีเงินเหลือไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ เช่น ช่วยผ่อนบ้าน ที่สำคัญมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น "ยุ้ยกล่าว
นายมนัส โรจน์ชวฤทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า การสร้างความสุขในการทำงานให้พนักงานในองค์กร เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญ ร้านกาแฟในโรงงาน จึงเป็นทั้งที่พักผ่อน พนักงานมาใช้ประชุมกลุ่มย่อย เป็นจุดฝากขายสินค้าของพนักงาน คนงาน สร้างรายได้เสริมให้พนักงาน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานจากเมื่อก่อนที่ต้องออกไปซื้อกาแฟจากร้านข้างนอกแก้วละ 40-50 บาท แต่ที่ร้านกาแฟสดในโรงงานเริ่มต้นแก้วละ 20-25 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ การดำเนินงานของร้านกาแฟมีคณะกรรมการดูแลอย่างเป็นระบบ มีการปรับปรุงการให้บริการ รับฟังความคิดเห็นและประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเพื่อนำมาปรับปรุงบริการและผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น