ปั๊มสับปะรดพันธุ์ใหม่ลุยอุตสาหกรรมแปรรูป

จันทร์ ๐๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๑๐:๒๖
กรมวิชาการเกษตร ส่ง "เพชรบุรี 2" สับปะรดพันธุ์ใหม่ลักษณะเด่นโดนใจโรงงานแปรรูป ผลทรงกระบอก แกนผลเล็ก ตาตื้น ช่วยลดการสูญเสียเนื้อเมื่อเข้าเครื่องปอก คุ้มแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง แถมค่าความหวานเฉลี่ยชนะเลิศพันธุ์ดั้งเดิมปัตตาเวีย

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สับปะรดเป็นผลไม้ที่สร้างมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งการวิจัยและพัฒนาที่ผ่านมาส่วนมากเป็นไปในด้านการเขตกรรมและการอารักขาพืช ส่วนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์หรือสายพันธุ์ยังไม่สามารถสร้างพันธุ์หรือสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้ ทำให้พันธุ์ที่ปลูกยังคงเป็นพันธุ์เดิม ปริมาณผลผลิตต่อไร่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.11 ตัน/ไร่ ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ รวมทั้งการใช้พันธุ์เดิมปลูกติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เกิดการกลายลักษณะไม่พึงประสงค์มากขึ้น เช่น การเกิดหนามตลอดทั้งใบ ผลไม่เป็นทรงกระบอก สีเนื้อไม่สม่ำเสมอ ผลขนาดเล็กลง และอ่อนแอต่อโรคเหี่ยวสับปะรด

การคัดเลือกสายต้นเป็นแนวทางการปรับปรุงพันธุ์วิธีการหนึ่งที่ใช้ระยะเวลาสั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี กรมวิชาการเกษตร จึงได้ดำเนินการคัดเลือกสายต้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้สับปะรดพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตไม่น้อยกว่าพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้า และมีลักษณะเหมาะสมสำหรับการแปรรูปตรงตามความต้องการของโรงงาน ได้แก่ ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ตาตื้น แกนผลเล็ก เพื่อให้ได้ปริมาณเนื้อสำหรับแปรรูปสูง และมีอัตราการสูญเสียเนื้อต่ำ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ได้เริ่มดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์เมื่อปี 2534 โดยการประเมินและคัดเลือกพันธุ์ การเปรียบเทียบพันธุ์ และการทดสอบพันธุ์ในแหล่งผลิต ตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ จนประสบความสำเร็จได้สับปะรดพันธุ์ใหม่ผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรในปี 2562 ใช้ชื่อพันธุ์ว่า "สับปะรดพันธุ์เพชรบุรี 2" โดยมีลักษณะเด่น คือ มีอัตราส่วนน้ำหนักเนื้อ : น้ำหนักผลเฉลี่ย 0.29 ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย แกนผลเล็ก ตาตื้น ความลึกตาเฉลี่ย 0.73 – 0.81 ซม. มีผลทรงกระบอกซึ่งเหมาะสำหรับการบรรจุกระป๋อง ค่าความหวานเฉลี่ย 13.9 – 17.9 องศา บริกซ์ซึ่งมากกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย

"สับปะรดพันธุ์เพชรบุรี 2 มีผลทรงกระบอกเหมาะสำหรับการบรรจุกระป๋อง มีความหวานมากกว่าพันธุ์ปัตตาเวียที่เกษตรกรนิยมปลูกในปัจจุบัน ที่สำคัญมีตาตื้นเมื่อเข้าเครื่องปอกแล้วจึงไม่สูญเสียเนื้อมาก จึงเหมาะสำหรับการนำไปแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวเป็นที่ต้องการของโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี มีหน่อพันธุ์ประมาณ 5,000 หน่อ ซึ่งสามารถปลูกขยายได้พื้นที่ 0.5 ไร่ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี โทรศัพท์ 0-3277-2852-3" อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๑๕:๑๓ เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๑๕:๐๘ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๑๕:๒๐ กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๑๕:๐๖ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๑๕:๕๖ SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๑๕:๔๓ 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๑๕:๔๑ โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ