โดยจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจลงพื้นที่ตรวจตรา อำนวยความสะดวก ประชาสัมพันธ์ แนะนำเส้นทาง และดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งโครงการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว (HAPPY BANGKOK) โดยร่วมกับสำนักงานเขตพระนคร ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ อปพร. มูลนิธิ อาสาสมัคร ตำรวจบ้าน เป็นต้น
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงจากแสงสว่างไม่เพียงพอ สำนักการโยธา กทม. ได้กำหนดแนวทางการจัดซ่อมไฟฟ้าชำรุด โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการจัดซ่อมเองกรณีชำรุดไม่มากหรือดำเนิน การจ้างซ่อมหากเกิดกรณีชำรุดมาก และแจ้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ให้ประเมินราคาค่าซ่อม ซึ่งภายหลังจาก กฟน. ประเมินราคาค่าซ่อมและส่งให้สำนักการโยธา หากสำนักการโยธาตอบตกลง กฟน. จะเข้าดำเนินการจัดซ่อมต่อไป ทั้งนี้ ในการแจ้งเหตุไฟฟ้าชำรุดไปยัง กฟน. อาจมีขั้นตอนที่ทำให้เกิดการล่าช้า ซึ่งขณะนี้ กทม. และ กฟน. อยู่ระหว่างร่วมกันปรับปรุงบันทึกข้อตกลง เพื่อให้การดำเนินการจัดซ่อมไฟฟ้าส่องสว่างเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัด จ้างภาครัฐ พ.ศ.2560 นอกจากนี้ สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจนครบาล สำนักเทศกิจ กทม. และสำนักงานเขต ในการลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยง รวมทั้งยังได้ดำเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณชุมนุมชนและจุดเสี่ยงอาชญากรรม จำนวน 3,263 กล้อง พร้อมเชื่อมโยงสัญญาณภาพไปยังกองบังคับการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจนครบาล และสำนักงานเขต 50 เขต อีกทั้ง ในปี 2563 ได้รับงบประมาณติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณชุมนุมชนและจุดเสี่ยงอาชญากรรมเพิ่มเติมอีก จำนวน 3,342 กล้อง ทั้งนี้ กทม. จะประสานขอข้อมูลจุดเสี่ยง 611 จุดจากตำรวจนครบาลและเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานของ กทม. เข้าสำรวจพื้นที่เพื่อแก้ไขในเบื้องต้นก่อน และจะขอจัดสรรงบประมาณดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติม เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนต่อไป