เดินหน้าเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเนื้อโค พร้อมรับมือสิ้นสุดมาตรการ SSG ภายใต้ TNZCEP ในปี 63

ศุกร์ ๐๖ ธันวาคม ๒๐๑๙ ๑๕:๒๐
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การเปิดตลาดและการนำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard: SSG) ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย - นิวซีแลนด์ (Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership Agreement: TNZCEP) ว่า ปัจจุบันไทยยังคงมีสินค้าที่ใช้มาตรการ SSG เหลืออยู่ 18 รายการ และจะสิ้นสุดมาตรการ ในสิ้นปีหน้า คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 และตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป สินค้าทั้ง 18 ชนิด ลดภาษีเป็นร้อยละ 0

หากพิจารณาสินค้า SSG ที่ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ในปริมาณค่อนข้างสูง พบว่ามีเพียง 3 รายการ จาก 18 รายการ ได้แก่ นมและครีม เนื้อโคกระบือ และเครื่องในโคกระบือ ซึ่งจากข้อมูลปี 2559 - 2561 พบว่า ไทยมีปริมาณนำเข้า สินค้านมและครีม จากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 44,440 ตัน/ปี โดยปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า (Trigger Volume) สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 51,973 ตัน แต่หากปริมาณที่เกินเพดานที่กำหนด ต้องเสียภาษีร้อยละ 5 หรือร้อยละ 18

สำหรับ สินค้าเนื้อโคกระบือ ไทยมีปริมาณนำเข้าจากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 2,531 ตัน/ปี โดยปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 1,039.46 ตัน และหากปริมาณที่เกินเพดานที่กำหนด ต้องเสียภาษีร้อยละ 50 ส่วนสินค้าเครื่องในโคกระบือ ไทยมีปริมาณนำเข้าจากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 2,738 ตัน/ปี ทั้งนี้ ปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 1,247 ตัน และหากปริมาณที่เกินเพดานที่กำหนด ต้องเสียภาษีร้อยละ 30 ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่น เนื้อสุกร เครื่องในสุกร เนยแข็ง และผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ พบว่า ไทยไม่ใช่ตลาดส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ จึงมีปริมาณนำเข้าจากนิวซีแลนด์ไม่มากนัก

ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564 สินค้าดังกล่าวทั้ง 3 รายการจะสิ้นสุดมาตรการ คือ ลดภาษีเป็นร้อยละ 0 โดยไม่จำกัดปริมาณนำเข้า ดังนั้น สศก. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดจากการเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้กรอบความตกลง TNZCEP โดยเฉพาะสินค้าเนื้อโคและผลิตภัณฑ์และผลิตภัณฑ์นม ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ การแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ด้วยการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่า และปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยที่ผ่านมา ได้ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการด้านปศุสัตว์ ไปแล้ว 18 โครงการ อาทิ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตโคขุนคุณภาพสูง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ และโครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลง TNZCEP ไทยและนิวซีแลนด์ ได้มีโครงการความร่วมมือสำหรับพัฒนาศักยภาพการผลิตโคนมของไทยอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าผู้ผลิตในประเทศจะพัฒนาและสามารถเพิ่มศักยภาพการผลิตได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าดังกล่าว นำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรม โคเนื้อและโคนมของไทยได้ในอนาคต สำหรับเกษตรกรที่ต้องการขอคำแนะนำจากกองทุน FTA สามารถสอบถามได้ที่ โทร. 0 2561 4727 หรือ Email: [email protected] หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www2.oae.go.th/FTA

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4