”รมช.ประภัตร” ผุดไอเดียพลิกฟื้นอุตสาหกรรมควายไทยสร้างรายได้ให้เกษตรกร

จันทร์ ๑๖ ธันวาคม ๒๐๑๙ ๐๘:๕๙
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของสอนศิริฟาร์มควายไทย ตำบลบ้านยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรีโดยมี นายพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายวรากร จิตรหลัง ปศุสัตว์จังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัด และนายพรหมพิริยะ สอนศิริ เจ้าของสอนศิริ ฟาร์มควายไทย ให้การต้อนรับ

นายประภัตร กล่าวว่า ควายไทยถือเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสนใจและเห็นความสำคัญในอาชีพการเลี้ยงควายของเกษตรกรทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันควายไทยได้รับการพัฒนาทำให้มีขนาดและน้ำหนักมากขึ้นจากเดิม รวมทั้งสามารถคงเอกลักษณ์ของควายไทย จากภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความร่วมมือในการพัฒนาทั้งภาครัฐและเกษตรกรผู้เลี้ยงควายได้เป็นอย่างดี โดยได้หารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมควายไทยเพื่อสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกร ซึ่งได้เน้นย้ำให้สร้างแรงจูงใจพร้อมทั้งหาตลาดนำการผลิต เพื่อพลิกฟื้นให้ควายไทยกลับมามีความสำคัญในภาคเกษตร โดยการแปรรูปนมควายให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ อาทิ นมสด โยเกิร์ต พุดดิ้ง และเวชสำอางค์ เป็นต้น ตลอดจนมอบนโยบายให้ปศุสัตว์จังหวัดปราจีนบุรี จัดตั้งกลุ่มส่งเสริมการเลี้ยงควายไทย ผลิตนมควายที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ให้ได้พันธุ์ที่ดี โดย ธกส. สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีการลงนาม mou ร่วมกับกรมปศุสัตว์ เมื่อวันที่ 6 ธค. ที่ผ่านมา โดยจะนำร่องส่งเสริมการเลี้ยงควายไทยเพื่อผลิตนม ในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นแห่งแรกของประเทศ

"ปัญหาของภาคเกษตรในตอนนี้คือการเผชิญกับภัยแล้ง จึงต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรมีอาชีพและมีรายได้ ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมด้านปศุสัตว์ เนื่องจาก จ.ปราจีน มีพื้นที่ที่เหมาะสม โดยเชื่อว่าการส่งเสริมการเลี้ยงควายไทยเพื่อผลิตนมนั้น จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรได้" นายประภัตร กล่าว

สำหรับสอนศิริฟาร์มควายไทย มีควายทั้งสิ้น 270 ตัว แม่พันธุ์ จำนวน 160 ตัว จำนวนแม่รีดนม 40 ตัว พ่อพันธุ์ จำนวน 2 ตัว จำนวนลูก 58 ตัว จำหน่ายปีละ 50 – 80 ตัว ราคาขั้นต่ำที่ตัวละ 60,000 บาท โดยกลุ่มตลาดหลักจะเป็นเกษตรกรที่ต้องการพ่อแม่พันธุ์เพื่อนำไปปรับปรุงพันธุ์ของเกษตรกร มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมควาย เช่น นม โยเกิร์ต สบู่จากน้ำนม ครีมบำรุงผิว ฯลฯ เป็นฟาร์มควายที่ได้มาตรฐานทั้งสถานที่และวิธีการเลี้ยงจนทำให้ได้พันธุ์ควายที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ สมบูรณ์ ถูกต้องตามคุณลักษณะควายไทยแท้ อีกทั้งยังได้ลูกควายที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถขายได้ในราคาสูงอีกด้วย

จากนั้น เวลา 16.00 น. รมช.เกษตรฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรี ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยสำรวจพื้นที่จำนวนกว่า 3,000 ไร่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ผลิตอาหารสัตว์ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งมีต้นทุน กก.ละ ประมาณ 3-4 บาท ถูกกว่าตลาดที่ขายราคาปกติ กก.ละ 8 บาท จะทำให้เกษตรกรขุนวัวได้ภายใน 4 เดือน ซึ่งขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าทุกโครงการฯ นั้นมีตลาดรองรับแน่นอน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4