กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและชี้เป้าพื้นที่ระบาด ดำเนินการกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงหวี่ขาวยาสูบ ซึ่งเป็นพาหะนำโรค พร้อมชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบในอัตราชดเชยไร่ละ 3,000 บาท ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์สะอาด ควบคุมการนำเข้าท่อนพันธุ์จากต่างประเทศและการขนย้ายท่อนพันธุ์ภายในประเทศ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเพื่อป้องกันกำจัดโรคใบด่าง
จากการลงพื้นที่ของ สศก. โดยศูนย์ประเมินผล ได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 20 - 23 มกราคม 2563 พบว่า ขณะนี้ สามารถควบคุมสถานการณ์ระบาดในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดไว้ได้แล้ว โดย จังหวัดชลบุรี มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง จำนวน 162,860.75 ไร่ พบพื้นที่ระบาด จำนวน 135 ไร่ ในอำเภอศรีราชา โดยเป็นพื้นที่ของเกษตรกร จำนวน 8 ราย ขณะนี้ได้ดำเนินการทำลายแล้ว จำนวน 83 ไร่ ของเกษตรกร 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 62 ของพื้นที่ระบาด ในส่วนของการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่เกษตรกรจะพิจารณาอนุมัติเงินชดเชยโดยคณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนพื้นที่ระบาดที่เหลือนั้น อยู่ในกระบวนการอนุมัติการทำลายของคณะทำงานฯ ระดับอำเภอ สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง จำนวน 141,753 ไร่ พบพื้นที่ระบาด จำนวน 1,115 ไร่ ในอำเภอสนามชัยเขต และอำเภอพนมสารคาม เป็นพื้นที่ของเกษตรกร จำนวน 69 ราย โดยพื้นที่ระบาดทั้งหมด ขณะนี้อยู่กระบวนการอนุมัติการทำลายของคณะทำงานฯ ระดับอำเภอ และจะจัดจ้างทำลายโดยสำนักงานเกษตรอำเภอ ตามหลักเกณฑ์การทำลายและแผนปฏิบัติการที่โครงการกำหนดต่อไป
ด้านนางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า ในส่วนของพื้นที่จังหวัดที่เหลือ สศก. มีแผนจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แก้ไขการระบาดในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2563 ได้เตรียมลงพื้นที่ติดตามในจังหวัดสระแก้วและนครราชสีมา ซึ่งมีพื้นที่ระบาดสูงและมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาและยังคงมีการระบาดของโรค โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ เร่งประชาสัมพันธ์ ชี้แจงให้เกษตรกรเฝ้าระวังและสำรวจแปลงของตนเองอย่างสม่ำเสมอ โดยเบื้องต้น วิธีการทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคตามหลักวิชาการ จะใช้วิธีการฝังกลบและราดด้วยสารเคมี กำจัดวัชพืช อะมีทรีน 80% WG ซัลเฟนทราโซน 48% SC ไดยูรอน 80% WP อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน จึงกลบด้วยดินหนาไม่น้อยกว่า 0.5 เมตร และพ่นสารฆ่าแมลงเพื่อกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบซึ่งเป็นพาหะนำโรค นอกจากนี้ เกษตรกรต้องใช้ท่อนพันธุ์สะอาดจากแหล่งปลูกที่ไม่พบโรคระบาดหรือการผลิตท่อนพันธุ์สะอาดใช้เองในชุมชน เพื่อตัดวงจรการระบาดได้ทั้งหมด ทั้งนี้ หากเกษตรกรต้องการทราบข้อมูลของโรคใบด่างมันสำปะหลัง หรือแจ้งสถานการณ์ในพื้นที่ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ กรมส่งเสริมการเกษตรทุกอำเภอในพื้นที่