“เรามีโครงการเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และการเงินหลายโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการในขณะนี้” Peter Lum ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท PLMP Fintech กล่าว พร้อมกับยกตัวอย่างโครงการ Creatanium Smart City และการผนวกรวมภาคโลจิสติกส์ของอินโดนีเซียเข้ากับกระบวนการบล็อกเชนของบริษัท
Kym Kee กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท PLMP Venture Capital กล่าวว่า “การจดทะเบียนครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนของสถาบันและการลงทุนมูลค่าสูงอย่างที่เราวางแผนไว้สำหรับโครงการ Creatanium Silicon Valley” ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวตั้งเป้าว่าจะมีมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสิบปี และเมื่อพัฒนาขึ้นสำเร็จจะเป็นนิคมเทคโนโลยีแห่งแรกของกัมพูชาที่เป็นที่ตั้งของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ วิทยาการหุ่นยนต์ และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านบล็อกเชน
การจดทะเบียนการบริหารจัดการสินทรัพย์และกองทุนเป็นเพียงก้าวแรกในวิสัยทัศน์ของ PLMP Fintech ที่ต้องการจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคเอสเอ็มอี บริษัทยังอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนธนาคารเฉพาะกิจ (Specialized Bank) เพื่อที่จะให้บริการสาธารณะ เอกชน และออนไลน์ ตลอดจนปล่อยสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจและสินเชื่อเพื่อรายย่อยด้วยหลักประกันเงินกู้แบบดิจิทัล ซึ่งการดำเนินการทั้งสามส่วนนี้จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการมอบบริการแก่บริษัทและสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร
ภายใต้กรอบการทำงานเดียวกัน PLMP Venture Capital และบริษัทคู่ค้า CSME จะจัดอีเวนต์เป็นประจำเพื่อแสดงเอสเอ็มอีเชิงนวัตกรรมในภูมิภาค และให้โอกาสเอสเอ็มอีเหล่านั้นได้เปิดตัวต่อหน้าผู้นำระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมและนักลงทุนที่อาจสนใจลงทุน นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขัน Startup World Cup เพื่อเฟ้นหาโครงการที่ดีที่สุดระดับชิงเงินรางวัลมูลค่า 1,000,000 เหรียญ ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญในเดือนเมษายนนี้ด้วย
สำหรับสื่อมวลชน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [email protected]