รมว.อุดมศึกษา ระดมหน่วยงานและสตาร์ทอัพสู้ โควิด – 19 เตรียมพัฒนาระบบติดตาม และ AI แง้มหากยืดเยื้ออาจเลื่อนเปิดเทอม

จันทร์ ๐๙ มีนาคม ๒๐๒๐ ๑๗:๐๙
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ออกมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด – 19 โดยได้มอบหมายให้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการรับมือสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน พร้อมเชิญกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพมาร่วมหารือ โดยได้ออกมาตรการดังนี้ 1.การพัฒนาระบบการติดตามและการตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่น 2.การใช้ระบบการแพทย์และสุขภาพทางไกล 3.การใช้ระบบแสดงตำแหน่งและจัดส่งสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนทราบสถานที่จำหน่ายสินค้า และ 4.การร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อเพื่อปลดล็อคปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ ยังเผยว่า หากประเทศไทยเข้าสู่ระยะ 3 หรือในกรณีที่สถานการณ์ที่ยืดเยื้อ อาจต้องเลื่อนเปิดภาคเรียน และต้องสนับสนุนให้คนทำงานจากที่บ้าน
รมว.อุดมศึกษา ระดมหน่วยงานและสตาร์ทอัพสู้ โควิด 19 เตรียมพัฒนาระบบติดตาม และ AI แง้มหากยืดเยื้ออาจเลื่อนเปิดเทอม

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด อว.รับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในภาวะฉุกเฉิน โดยมอบให้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เป็นแม่งานในการจัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการรับมือสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉินภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมเชิญกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพมาร่วมหารือด้วย โดยในที่ประชุมแบ่งการรับมือออกเป็น 2 สถานการณ์ คือ การรับมือในสถานการณ์ที่จำเป็นเร่งด่วน และการรับมือที่จำเป็นแต่ไม่เร่งด่วนและยังได้แบ่งมาตรการออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ได้แก่

การพัฒนาระบบการติดตาม และการตรวจสอบ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อติดตามคนที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดตั้งแต่ผ่าน ตม. ด้วยการให้ผู้ที่เดินทางทั้งหมดติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพื่อให้สามารถทราบตำแหน่ง และรายงานผลแบบทันทีบนแผนที่ โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) จะสนับสนุนระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (mega data) ร่วมกับสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (TTSA) และกรมควบคุมโรคการใช้ระบบการแพทย์และสุขภาพทางไกล ซึ่งเป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยในคัดกรอง วินิจฉัยเบื้องต้น และตอบคำถามผ่านทางระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และ ระบบตอบการสนทนาอัตโนมัติแก่ประชาชนในกรณีที่เกิดความกลัวและความกังวล ตลอดจนการดูแลตัวเองเบื้องต้น นอกจากนี้ ระบบการแพทย์และสุขภาพทางไกล อาจจะช่วยผู้ป่วยโรคเรื้อรังในการลดการมาโรงพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยตั้งเป้าหมายการลดการมา 20% โดยมอบให้สมาคม health tech startup ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบระบบแสดงตำแหน่งและจัดส่งสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นเร่งด่วน การพัฒนาแผนที่แสดงตำแหน่งที่จำหน่ายหน้ากากเพื่อให้ประชาชนทราบ และสามารถซื้อได้ และแผนที่แสดงตำแหน่งของห้องน้ำที่มีความปลอดภัย รวมถึงวิธีการกระจายหน้ากากอนามัย และการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์ มอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคม health tech startup รับผิดชอบการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบ การผลิต การจัดเก็บ และการกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านการผลิต เช่น หน้ากาก แอลกอฮอล์ เจล ชุดตรวจ โดยการจัดหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการควบคุมโรค ด้วยการสรรหาความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI กรมสรรพสามิต และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อปลดล็อคหรือแก้ปัญหาของอุตสาหกรรม ซึ่งมาตรการนี้ได้มอบให้ สวทช. และ สภาอุตสาหกรรมกลุ่มผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบ

ดร.สุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ เนื่องจากบางระบบเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ได้ทันที ซึ่งในแต่ละกลุ่มย่อยจะมีหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดูแล หารือ ประสานงานและติดตามงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยจะนำร่องใช้ประโยชน์ผ่านเครือข่ายย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี สวนดอก และโรงพยาบาลภายใต้สังกัด อว. ก่อนขยายต่อไปยังเครือข่ายอื่นทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเรียน และวัยทำงาน เพราะหากประเทศไทยเข้าสู่ระยะ 3 หรือในสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ต้องเลื่อนการเปิดเทอมของนักเรียน หรือต้องสนับสนุนให้การทำงานจากที่บ้านในกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาด้านระบบการศึกษา เป็นอีกสิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญ และเริ่มมองหาลู่ทางที่ตอบโจทย์ในอนาคต

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0170555 เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๒๔ เม.ย. เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๒๔ เม.ย. อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๒๔ เม.ย. กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๒๔ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๒๔ เม.ย. SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๒๔ เม.ย. 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๒๔ เม.ย. โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ