นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ DITP นำทีมผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยกว่า 70 ราย ร่วมเจรจาซื้อขายกับผู้นำเข้า ผู้ซื้อ และตัวแทนจำหน่ายจากภูมิภาคต่างๆ 45 บริษัท จาก 13 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันยังได้จัดพิธีลงนามความตกลงทางการค้า (MOU)
นอกจากผลไม้สดแล้วผลไม้แปรรูปไทยยังคงมีศักยภาพเติบโตในตลาดโลก เนื่องจากประเทศไทยนั้นเป็นผู้ผลิตผลไม้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก และมีผลไม้ขึ้นชื่อหลากหลายชนิด ทำให้ตลาดผลไม้แปรรูปมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งด้วยความเชี่ยวชาญและความหลากหลายของกระบวนการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปแบบกรอบ แบบนิ่ม ไปจนถึงแบบที่ผู้บริโภคสามารถเติมน้ำเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีรสชาติเหมือน ผลไม้สด โดยตลาดส่งออกหลักคือตลาดในเอเชีย มีประเทศจีนเป็นประเทศสั่งซื้อเป็นอันดับหนึ่งเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติที่ผู้บริโภคคุ้นเคย
ขณะเดียวกันเทรนด์การเลือกรับประทานอาหารของผู้บริโภคยุคใหม่ให้ ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ มีความรู้ด้านข้อมูลและตื่นตัวด้านสุขภาพมากขึ้น จึงมีแนวโน้มบริโภคน้ำตาลและความหวานที่ลดลง เป็นโอกาสของผู้ผลิตผลไม้แปรรูปที่จะปรับกลยุทธ์และพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค โดยนำเสนอผลไม้ที่มีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพ อาทิ มะขาม ลดปริมาณน้ำตาลและความหวานจากการปรุงแต่งลง เน้นความหวานจากธรรมชาติ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่ากระบวนการผลิตผลไม้แปรรูปนั้นมีการใช้น้ำตาลในปริมาณที่ค่อนข้างสูง เช่นการใช้ไซรัปเพื่อถนอมให้ผลิตภัณฑ์สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น
“สถานกาณ์ปัจจุบันที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ แม้ผู้บริโภคบางส่วนจะลดการออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปยังมีลู่ทางที่สามารถจัดจำหน่ายได้ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้เปรียบทางด้านการเพาะปลูกผลไม้ เพราะมีดินที่อุดมสมบูรณ์ เกษตรกรมีความเชี่ยวชาญ และมีการพัฒนาวิจัยพันธุ์อยู่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การส่งออกผลไม้ไทยนั้นยังคงโดดเด่น นอกจากผลไม้สดแล้ว
ผลไม้แปรรูปยังเป็นสินค้ามาแรงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ให้คุณค่าทางโภชนาการ สะดวกในการรับประทานและเก็บรักษา และผลิตด้วยกระบวนการแปรรูปที่ได้มาตรฐาน ซึ่งผู้ส่งออกอาจจะต้องปรับรูปแบบให้เหมาะกับประเทศกลุ่มเป้าหมาย และคิดค้นสินค้าใหม่ๆ ตามเทรนด์นิยมโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก” นายสมเด็จ กล่าว