เอ็นไอเอ ชี้หลังวิกฤติโควิด – 19 เทรนด์ใหม่ “เวิร์คฟอร์มโฮมทาวน์” มีแนวโน้มขยายตัว

พุธ ๑๕ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๔:๕๑
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยหลังวิกฤตการระบาดโรคโควิด – 19คลี่คลาย ทิศทางการทำงานที่บ้าน : Work from Home จะยังมีต่อเนื่องสักระยะ โดยเฉพาะในธุรกิจนวัตกรรมบริการ ธุรกิจนวัตกรรมการสื่อสาร ธุรกิจนวัตกรรมการเงิน รวมถึงหน่วยงานในกำกับราชการบางหน่วยงาน พร้อมชี้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ บางส่วนอาจกลับไปทำงานอยู่ในภูมิลำเนาหรือเมืองรองมากขึ้นโดยอาศัยสื่อสารผ่านดิจิทัล นอกจากนี้ ยังเผยอีกว่า ช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีอาจมีการหยุดชะงักบ้างยกเว้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด -19 ทั้งนี้ คาดว่าในระยะหลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไป จะเริ่มเกิดปัญหาสภาพคล่อง NIA จึงได้เร่งหามาตรการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น
เอ็นไอเอ ชี้หลังวิกฤติโควิด 19 เทรนด์ใหม่ เวิร์คฟอร์มโฮมทาวน์ มีแนวโน้มขยายตัว

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) กล่าวว่า มาตรการการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ได้กลายเป็นปรากฏการณ์การทำงานรูปแบบใหม่ของหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน ซึ่งหลังจากที่สถานการณ์โควิด - 19 คลี่คลายลง อาจจะได้เห็นการเริ่มต้นทำงานที่บ้านของหลายๆบริษัทอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจนวัตกรรมบริการ ธุรกิจนวัตกรรมการสื่อสาร ซึ่งรวมถึงสื่อและผู้พัฒนาระบบ ธุรกิจนวัตกรรมการเงินและการตลาด (Fintech) หรือแม้แต่หน่วยงานในกำกับราชการ ที่จะขยายโอกาสให้บุคลากรได้มีการทำงานจากนอกสำนักงานมากขึ้น ทังยังมีการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่น รวมทั้งยังจะได้เห็นสตาร์ทอัพและนักพัฒนาเทคโนโลยีออกมานำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกกับการทำงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการ Work From Home จะเป็นกระแสที่มาแรงและมีความน่าสนใจ แต่กระแสดังกล่าวอาจยังไม่ใช่ความปกติในรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า New Normal สำหรับสังคมการทำงานของประเทศไทย เนื่องจากในบางธุรกิจก็ยังไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพราะต้องใช้แรงงานคนขับเคลื่อน และบางอุตสาหกรรมยังจำเป็นต้องพึ่งพาฝีมือแรงงานเกือบ 100 % นอกจากนี้ แม้ว่าบางบริษัทจะเริ่มให้ความกับการทำงานที่บ้านมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติอาจยังไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เนื่องจากยังมีกลุ่มคนที่คุ้นชินกับการทำงานในระบบออฟฟิศแบบดั้งเดิม การติดต่อธุรกิจที่ไม่สามารถกระทำผ่านอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังคงต้องการพบปะเพื่อพูดคุยในทางสังคม รวมไปถึงการระดมสมองในระหว่างการทำงาน อย่างไรก็ดี NIA คาดการณ์ว่าประมาณช่วงหลังวันที่ 13-15 เมษายนเป็นต้นไป หากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะเริ่มลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ หลายบริษัทอาจจะเลือกเวิร์คฟอร์มโฮมถึงแค่ช่วงสิ้นเดือนเมษายน แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 3 เดือน คาดว่าจะต้องเวิร์คฟอร์มโฮมไปจนถึงสิ้นปี 2563 และภาครัฐรวมถึงประชาชนจะต้องเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตแบบใหม่หลังจบเดือนมิถุนายนนี้

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด -19 จบลงอีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำงานจากบ้านเกิดกันมากขึ้น หรือเรียกว่า การอพยพทางเศรษฐกิจกลับบ้าน “Home-coming economic migration” คนจะเลือกทำงานในถิ่นฐานเมืองรองมากขึ้น และใช้การสื่อสารผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น เพราะการเกิดโรคระบาดสะท้อนให้เห็นว่าความแออัด และระบบความปลอดภัยในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกยังไม่มีมาตรการที่แน่ชัด โดยเฉพาะเกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ในภาวะวิกฤตินี้ทำให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านสาธารณสุขขึ้นมากมาย รวมถึงนวัตกรรมอื่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยในช่วงนี้ เช่น นวัตกรรมการเว้นระยะทางสังคม นวัตกรรมด้านการศึกษา นวัตกรรมการใช้ความช่วยเหลือ ฯลฯ

“เรื่องที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนคือ ช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีอาจมีการหยุดชะงัก แต่ยังไม่ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ยกเว้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด -19 ระบบโลจิสติกส์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค การบริการด้านการเงิน และอาหาร ที่สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในช่วงนี้ได้ ซึ่งนอกจาก NIA จะมีทุนสนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาการระบาดของ ไวรัสโควิด -19 แล้ว ยังได้ริเริ่มสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกลุ่มบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการของโรงพยาบาลและประชาชน เพื่อให้เกิดการนำนวัตกรรมไปใช้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คาดว่าในระยะหลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไป จะเริ่มเกิดปัญหาสภาพคล่อง NIA จึงได้เร่งหามาตรการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือด้านองค์ความรู้และการพัฒนาศักยภาพด้านนวัต กรรมองค์กรผ่านหลักสูตร และโปรแกรมต่างๆ มากมาย” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์ และ facebook.com/NIAThailand

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๓ เซ็นทารา เปิดตัว โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ โรงแรมไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ใจกลางเมือง พร้อมอิสระแห่งการเดินทาง
๑๐:๐๙ THE GAIN ยกขบวนวิทยากรระดับประเทศ มุ่งสู่งานสัมมนา การเทรดและลงทุนปี 2024
๑๐:๒๗ W เผย IFA หนุนเพิ่มทุน 2.5 พันล้านหุ้นขาย PP รับแผนเข้าถือหุ้นฟรุตต้าฯ 51% พร้อมปลดล็อก CBC
๑๐:๓๐ ผถห.TFG โหวตหนุนแจก TFG-W4 ฟรี! อัตรา 10 : 1 ราคาใช้สิทธิ 3.80 บ.พร้อมจ่ายปันผลเงินสด 0.01 บ./หุ้น ปักธงปี 67 รายได้โต 10%
๑๐:๑๙ ASIA เตรียมขายหุ้นกู้มีหลักประกัน มูลค่า 300 ลบ. อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7 - 7.20% มูลค่าหลักประกันเฉียด 1,600 ลบ. คาดเปิดจองซื้อวันที่ 27 - 29 พ.ค.
๑๐:๓๘ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประกาศรวมอัตลักษณ์องค์กรในระดับโลก ด้วยการรีแบรนด์ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เป็น ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์
๑๐:๕๔ ยูนิโคล่ร่วมกับมารีเมกโกะ เปิดตัว UNIQLO x Marimekko คอลเลคชันลิมิเต็ดเอดิชันประจำฤดูร้อน 2024 เติมเต็มความสดใสให้ซัมเมอร์ ในธีม Joyful Summer
๑๐:๔๒ TERA ฟอร์มเจ๋ง! เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 122.86% ลุยให้บริการ T.Cloud รับอนาคตธุรกิจคึกคัก ปักหมุดผลงาน 3 ปีเติบโตเฉลี่ยเกิน
๑๐:๐๙ โบรกฯ แสกน GFC ส่งซิก Q1/67 พุ่ง
๑๐:๐๐ ผถห. WINMED ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.0295 บ./หุ้น-รับเงิน 21 พ.ค.นี้ รุกตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก เพิ่มรายได้ประจำผถห. ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โตเกิน 20%