นายธวัช กล่าวต่อไปว่า หลักเกณฑ์ในการประเมินจะมีคะแนนรวม 100 คะแนน แบ่งออกเป็น (1) 50 คะแนนแรกมาจากความรู้ความสามารถ ทักษะฝีมือ ทัศนคติในการทำงาน โดยพิจารณาผลผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (2) 25 คะแนนต่อมาพิจารณาจากประสบการณ์ด้านการประกอบอาชีพ เช่น การศึกษา การทำงาน การฝึกอบรม การสัมมนา เป็นต้น (3) อีก 25 คะแนนต์สุดท้าย พิจารณาจากคุณลักษณะส่วนบุคคลที่แสดงถึงศักยภาพในการประกอบอาชีพหรือการทำงาน โดยการสัมภาษณ์ ซึ่งทั้ง 3 หลักเกณฑ์รวมกันจะต้องได้ 85 คะแนนขึ้นไป จึงจะผ่านการประเมิน สำหรับในปี 2563 กำหนดเป้าหมายประเมินความรู้ความสามารถในสาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก จำนวน 5,000 คน ช่างเชื่อมอีก 3 สาขา จำนวน 2,500 คน และช่างไฟฟ้าภายในอาคาร 10,000 คน รวมทั้งสิ้น 17,500 คน ผู้สนใจเข้ารับการประเมินให้ติดต่อสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือ สำนักงานรับรองความรู้ความสามารถ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 0 2245 1703 และ www.dsd.go.th/oloc
“สำหรับในช่วงเวลานี้มีสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ช่างหลายคนมีความกังวลใจในการเข้ารับการประมินความรู้ความสามารถ จึงได้กำชับให้สพร.และสนพ. เตรียมมาตรการป้องกัน จัดตั้งจุดคัดกรองเจ้าหน้าที่และช่างที่จะเข้ารับการประเมินตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ลดจำนวนคนเข้ารับการประเมิน เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเหมาะสม มีฉากกั้นระหว่างผู้ประเมินกับผู้รับการประเมิน และใช้ไมโครโฟนในการสัมภาษณ์ เป็นต้น มาตรการเหล่านี้จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเชิญชวนช่างฝีมือเข้ารับการประเมิน เพื่อให้พร้อมทำงานอย่างมั่นใจ เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และมีความต้องการของตลาดแรงงานในสาขาอาชีพดังกล่าวสูงขึ้นในเร็ววันนี้” อธิบดีกพร. กล่าวทิ้งท้าย