นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. 2559 - 2563) มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันอาหาร และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกันวางระบบและให้การรับรองฮาลาลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (SME) และวิสาหกิจชุมชนกว่า 500 กิจการ และให้ความรู้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับรองและประชาชน จำนวนกว่า 6,000 คน
“การวางโครงสร้างและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสในการกระจายสินค้าไปถึงมือประชากรชาวมุสลิมกว่า 1,960 ล้านคน ซึ่งอยู่ในประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation – OIC)จำนวน 57 ประเทศ โดยได้ประสานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (TLSP) ให้วางระบบและร่างผัง Global Landscape ด้านโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมการจัดการคลังสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าไปยังประเทศปลายทางต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สินค้าฮาลาลเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคไทย โดยจะมีการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อตอบรับความต้องการผู้บริโภค อาทิ การสร้างคลังสินค้าฮาลาลหรือการสร้างศูนย์บริหารจัดการโลจิสติกส์ฮาลาลเพื่อเชื่อมโยงไปทั่วโลก โดยเบื้องต้นได้หารือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในการจัดหาเครื่องบินขนส่งสินค้าเที่ยวละประมาณ 100 ตัน เพื่อส่งออกสินค้าไปทั่วโลกโดยมีมูลค่าตลาดฮาลาลสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง” นายอลงกรณ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ผู้แทนหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องและสถาบันอาหารดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมที่นิยมบริโภคอาหารฮาลาลเพื่อขยายขอบข่ายการดำเนินงานในอนาคตให้ครอบคลุมประชากรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศ OIC โดยไปศึกษาว่าไทยจะส่งเสริมการเกษตรเพื่อแปรรูปส่งออกอาหารฮาลาลประเภทใดไปยังกลุ่มประเทศนี้ รวมถึงมีประเทศคู่แข่งและมีส่วนแบ่งตลาดอย่างไร โดยนำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่วมกับระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบัน เพื่อประเมินศักยภาพในการแข่งขันของไทย และไทยสามารถนำเข้าสินค้าอะไรจากประเทศกลุ่มนี้ได้
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับประเด็นการตรวจรับรองระบบงานด้านฮาลาลของสินค้าอาหารไทยที่ส่งออกไป UAE ที่ผ่านมาสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับกรมปศุสัตว์และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้หารือกับหน่วยงาน Emirates Authority for Standardization and Metrology (ESMA) เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยัง UAE ได้ โดยได้เจรจาจนประสบความสำเร็จ ทำให้ UAE ให้การรับรองระบบงานฮาลาลของ สกอท. ส่งผลให้ไทยสามารถส่งสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็ง รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของสัตว์ปีกไปยัง UAE ได้แล้ว
“นอกจากนี้ หน่วยงาน ESMA ได้เสนอให้ มกอช. พัฒนาศักยภาพให้สามารถตรวจรับรองระบบงานสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้ในอนาคต เป็นการลดขั้นตอน และเกิดประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าฮาลาลไทยไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และประเทศมุสลิมอื่นๆ ในอนาคต” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด