อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจภาคสนามเพิ่มเติม พบว่า นอกจากพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้วยังมีพื้นที่นอกเขตชลประทานที่เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นเสี่ยงขาดแคลนน้ำขั้นรุนแรง ยืนต้นตาย จำนวน 0.37 ล้านไร่ ในพื้นที่ 30 จังหวัด จึงได้จัดทำแผนและมาตรการเสนอ ครม. และ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 อนุมัติงบกลางเพื่อจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 (เพิ่มเติม) รวม 166 โครงการ วงเงิน 622.43 ล้านบาท ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว 132 โครงการ วงเงิน 560.32 ล้านบาท ได้แก่ ขุดเจาะบ่อบาดาล 132 แห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมพื้นที่เก็บกักน้ำในช่วงปลายฤดูแล้งให้สามารถเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่จะถึง กองอำนวยการน้ำแห่งชาติจึงได้จัดทำเกณฑ์ในพิจารณาคัดกรองแผนงาน/โครงการตามลำดับความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่มีความพร้อมสามารถจะดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ภายใต้ โครงการเร่งด่วนเพื่อเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี 2563 รวม 6,640 โครงการ วงเงิน 3,746 ล้านบาท ซึ่ง ครม.มีมติอนุมัติในวันเดียวกัน ปัจจุบันได้รับงบประมาณแล้ว 439 โครงการ วงเงิน 3,403 ล้านบาท ดำเนินการแล้ว 75 โครงการ ได้แก่ ฟื้นฟูแหล่งน้ำเดิม 64 แห่ง ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ 9 แห่ง เชื่อมโยงแหล่งน้ำ 1 แห่ง ก่อสร้างแหล่งน้ำพร้อมระบบ 1 แห่ง เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 24.72 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 69,062 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 31,958 ครัวเรือน
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เสนอขอรับงบประมาณจะต้องจัดทำรายละเอียดโครงการที่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างชัดเจน และโครงการที่ผ่านหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะต้องผ่านกระบวนการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติจะได้ติดตามตรวจสอบผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย.
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
13 พฤษภาคม 2563