“ รอให้คณะรัฐมนตรีมีมติออกมาก็จะทราบว่าจะต้องเข้าไปช่วยดูแลกันอย่างไร ตามกฎหมายสหกรณ์ เช่นการผ่อนคลายเกณฑ์ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเป็นต้น เพราะเท่าที่ฟังคือสหกรณ์ต่างๆ กังวลว่า การบินไทยจะไม่มีเงินคืนค่าหุ้นเมื่อครบกำหนดชำระ แต่เมื่อเอาข้อมูลมากางก็พบว่า ไม่ได้ครบกำหนดพร้อมกัน แต่เป็นการทยอยครบกำหนดในห้วงระยะเวลา 14 ปี และในรอบปี 2563 มีเพียง 21 แห่ง ปี 64 จำนวน25 แห่ง วงเงิน2 ปีที่ครบกำหนดรวมไม่เกิน 5 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของการบินไทยที่มีนับแสนล้านบาท อย่างไรก็ตามหากกรณีการบินไทยไม่สามารถจ่ายได้จริง ก็สามารถใช้อำนาจนายทะเบียนสหกรณ์ผ่อนหลักเกณฑ์ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญได้ตามที่กฎหมายกำหนด แต่คาดว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์นี้เกิดขึ้น” รมช.เกษตรฯกล่าวต่อว่า
ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ทุกสหกรณ์ที่มาลงทุนล้วนเป็นสหกรณ์ชั้น 1 ที่มีฐานะการเงินมั่นคง และใช้เงินที่มาจากสมาชิกของตนเองเป็นหลัก เทียบสัดส่วนลงทุนเฉลี่ย 3.6% ของสินทรัพย์ และมีเพียง 7 แห่งที่ลงทุนต่อสินทรัพย์มากกว่า 10% และพบว่า มีเพียง 15 สหกรณ์หรือ 18% ที่สภาพคล่องน้อยกว่า 10% ที่เหลือคือ 67 สหกรณ์หรือ 82% มีสภาพคล่องมากกว่า 82% อย่างไรก็ตามล่าสุดสถานการณ์การตกใจถอนเงินเพิ่มลดลง จากที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสมาชิกตกใจถอนเงินผิดปกติประมาณ 100-200 ล้านบาทใน 5-6 สหกรณ์ จากปกติที่จะถอนเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อวัน
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทยเองที่ลงทุนในบมจ.บินไทยด้วยเช่นกัน มีสภาพคล่องประมาณ 8,700 ล้านบาท น่าจะเพียงพอกับสมาชิกที่จะมาถอนเงินในช่วงระยะสั้นจากความไม่เชื่อมั่นแต่หลังจากนี้น่าจะดีขึ้น เพราะสหกรณ์แห่งนี้มีกำไรต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 62 มีกำไรประมาณ 48.2% ของกำไรสุทธิ
อย่างไรก็ตามขณะนี้การถอนเงินก็เบาบางลงแล้ว และยิ่งหากแนวการการแก้ไขปัญหาการบินไทยมีความชัดเจนว่าจะไปทิศทางใดก็จะยิ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก