กำชับเข้มต้องวิเคราะห์ลึกทุกประเด็น ก่อนเสนอท่าทีต่อ สปป.ลาว

พุธ ๐๕ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๖:๔๘
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า ในที่ประชุมวันนี้ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางและท่าทีของฝ่ายไทย กรณีการก่อสร้างโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำสานะคาม ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันโครงการฯ ได้เข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง (PNPCA) แล้ว เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงได้มีการหารือ ศึกษา วิเคราะห์ และให้ข้อเสนอแนะ ประเด็นข้อห่วงกังวล มาตรการ และแนวทางร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลไทยมีความห่วงใยต่อผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องด้วยที่ตั้งของเขื่อนสานะคามอยู่ใกล้ชายแดนไทยมาก คือมีระยะห่างเพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น ที่ประชุมจึงมีมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์อย่างรอบด้านและให้ความสำคัญเชิงลึกกับทุกประเด็นทางเทคนิค อาทิ ด้านผลกระทบต่อเส้นพรมแดน อุทกวิทยาและชลศาสตร์ ตะกอนและสัณฐานแม่น้ำ การเปลี่ยนแปลงร่องน้ำ ประมงและสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยเขื่อน การเดินเรือ และเศรษฐกิจสังคม โดยเฉพาะเรื่องเขื่อนพิบัติ และการใช้งานเขื่อน เป็นต้น
กำชับเข้มต้องวิเคราะห์ลึกทุกประเด็น ก่อนเสนอท่าทีต่อ สปป.ลาว

ขณะเดียวกัน ยังได้มอบหมาย สทนช.เร่งหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องในการเตรียมการป้องกันรับมือผลกระทบในข้อห่วงกังวลต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานที่จะต้องนำประเด็นผลกระทบข้ามพรมแดนไปพิจารณาเป็นเงื่อนไขในการดำเนินการซื้อขายไฟฟ้าด้วย เพื่อให้เกิดกลไกในการป้องกัน ลด และบรรเทาผลกระทบข้ามพรมแดนอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้เร่งสร้างการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ภาคประชาชน และนำเสนอกับทาง สปป.ลาว โดยเฉพาะมาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการสร้างเขื่อนให้เกิดความชัดเจนทั้งกรณีเขื่อนไซยะบุรี และเขื่อนหลวงพระบาง ก่อนจะมีการดำเนินการตาม ตามแผนงาน (Roadmap) ของกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าตาม PNPCA ของเขื่อนสานะคามในระยะต่อไป

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการระหว่างไทยและสปป.ลาว เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุตุ-อุทกวิทยา การบริหารจัดการอาคารประกอบ หรือเขื่อนตอนบนในลุ่มน้ำโขงที่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำตอนล่างและส่งผลถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงได้ทันเวลา ซึ่งไทยยังสามารถใช้กลไกนี้ในการให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาว ในด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคลและถ่ายทอดองค์ความรู้วิชาการด้านทรัพยากรน้ำอีกด้วย โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่าง 2 ประเทศ และยกระดับความร่วมมือจากระดับหน่วยงานเป็นระดับรัฐบาล โดยให้มีผลผูกพันตามข้อตกลง รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น ให้การสนับสนุนเพื่อให้ความร่วมมือดังกล่าวแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะใช้เป็นกลไกในการบริหารจัดการน้ำและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนริมน้ำโขงอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยให้ยกระดับความร่วมมือจากระดับหน่วยงานเป็นความร่วมมือระดับรัฐบาล เพื่อให้มีผลผูกพันตามข้อตกลง และมีการหารือหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศด้วย

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้ร่วมรับทราบผลการศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนในปี 2562 ซึ่ง สทนช. ได้มีการศึกษาและติดตามตรวจสอบ โดยเน้นการเผยแพร่ผลการศึกษาที่ผ่านมาแก่ภาคประชาชน และมีการอบรมเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัด ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเก็บรวบรวมข้อมูล เรื่องการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง รูปแบบการดำรงชีวิตและความเปราะบางของประชาชน และการปรับตัวของประชาชน ทั้งนี้ ภาคประชาชนมีการเสนอโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย และโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาและพันธุ์พืชในแม่น้ำโขงเพื่อบรรเทาปัญหา โดยที่ประชุมได้ให้ สทนช. ร่วมกับกรมประมงดำเนินโครงการนำร่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายและสนับสนุนการปรับตัวของประชาชน รวมทั้งให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนแผนการรับมือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

กำชับเข้มต้องวิเคราะห์ลึกทุกประเด็น ก่อนเสนอท่าทีต่อ สปป.ลาว กำชับเข้มต้องวิเคราะห์ลึกทุกประเด็น ก่อนเสนอท่าทีต่อ สปป.ลาว กำชับเข้มต้องวิเคราะห์ลึกทุกประเด็น ก่อนเสนอท่าทีต่อ สปป.ลาว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4