นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เห็นความสำคัญกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งสามารถต่อยอดได้ในเชิงธุรกิจ จึงได้ร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อดำเนินโครงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับ 11 ชุมชนทั่วประเทศให้มีศักยภาพในเชิงการท่องเที่ยว ผ่านการลงพื้นที่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยในท้องที่ เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชน พร้อมการนำเทคโนโลยีเข้าไปพัฒนาระบบการทำงาน ทำให้สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคง ซึ่งชุมชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นสุดยอด CIV ระดับ 5 ดาว คือ ชุมชนบ้านหน้าทับ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การขับเคลื่อนการดำเนินการ จากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 ที่ได้ผนึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นสถานศึกษาในพื้นที่ที่มีศักยภาพสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาหมู่บ้านสร้างสรรค์ จนได้รับรางวัลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการประกวดสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ประจำปี 2563
โดยผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ คือ รายได้ชุมชนที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาทักษะของคนในพื้นที่ ความร่วมมือในระดับบุคคลและชุมชน เกิดการพัฒนาโครงสร้างชุมชนที่เข้มแข็งส่งผลต่อการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก อันจะเป็นทิศทางสำคัญของอุตสาหกรรมไทยเพื่อการแข่งขันกับตลาดสากลในอนาคต และยังเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาเห็นความสำคัญของชุมชนในการเป็นสถานที่ฝึกทักษะประสบการณ์ การเห็นความสำคัญของท้องถิ่น สร้างค่านิยมในการส่งเสริมวิถีอัตลักษณ์ชุมชน
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปธรรมของการดำเนินงานที่เกิดขึ้นกับทั้ง 11 ชุมชน คือ รูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับออกแบบขึ้นมาใหม่จากกลุ่มนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศทั้ง 11 แห่ง โดยส่วนใหญ่เน้นการอนุรักษ์วิถีดั่งเดิม เช่น วิถีเกษตรอินทรีย์ วิถีประมง วิถีหัตถกรรมท้องถิ่น ซึ่งแต่ละชุมชนล้วนมีอยู่แล้วทั้งหมด จึงไม่เกิดความเสี่ยงจากการลงทุน สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งยังช่วยให้รูปแบบการดำเนินงานของชุมชนเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ เตรียมขยายผลการดำเนินงานไปยัง 10 ชุมชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อเตรียมความพร้อมการท่องเที่ยวชุมชนรองรับการเปิดประเทศในอนาคต
อย่างไรก็ดี กสอ. ให้ความสำคัญกับการวัดผลสำเร็จของการดำเนินงานส่งเสริมชุมชน ได้รับผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวทั้ง 11 ชุมชน ประกอบด้วย การประเมินศักยภาพของชุมชน สิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว การมีส่วนร่วมของชุมชน การชูวัฒนธรรมวิถีชุมชน สินค้าของที่ระลึก และการสนับสนุนของหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อการวิเคราะห์เชิงลึก สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนา แนวทางการส่งเสริมชุมชนให้มีประสิทธิภาพในดำเนินการในปี 2564 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นายทักษิณ หมินหมัน ประธานวิสาหกิจกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้าทับ) อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ชุมชนบ้านหน้าทับ แต่เดิมประกอบอาชีพประมง ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากขาดรายได้ และจำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างที่ต้องหยุดประกอบอาชีพ จึงมีภาระหนี้สินในชุมชนเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากการลงพื้นที่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยว การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 ภาระหนี้สินในชุมชนลดลง และสามารถนำรายได้ไปต่อยอดพัฒนาชุมชนมากยิ่งขึ้น
การลงพื้นที่ของนักศึกษาเกิดขึ้นหลายครั้งอย่างต่อเนื่องตลอดโครงการ แต่ละครั้งจะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านในชุมชน ทำให้ได้รับทราบข้อมูลปัญหา และเห็นถึงจุดเด่นที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือดึงดูดนักท่องเที่ยว อาทิ การส่งเสริมกิจกรรมพอกโคลนในท้องทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีคุณสมบัติล้างสารพิษบนใบหน้า และไม่ก่อให้เกิดการละคายเคือง กิจกรรมปลูกป่าชายเลน เพื่อเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และการทำประมงวิถีดั้งเดิม ซึ่งชาวชุมชนยังคงดำรงชีวิตตามปกติ แต่สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการท่องเที่ยว จึงอยากให้ขยายผลไปยังชุมชนใกล้เคียงและชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศเพื่อสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน สำหรับทริปท่องเที่ยว CIV บ้านหน้าทับ ประกอบด้วย วันเดย์ทริป ( One Day Trip ) สัมผัสวิถีประมง ทานอาหารท้องถิ่น ปั่นจักรยานชมชุมชน สนนราคาที่ 1,050 บาทต่อคน และ ทริป 2 วัน 1 คืน เพิ่มบริการที่พักสัมผัสชีวิตพื้นถิ่น ชมธรรมชาติผ่านเส้นทางบกและทางน้ำ สนนราคาที่ 1,850 บาทต่อคน นายทักษิณ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipindustry และ www.dip.go.th