พร้อมนี้ รมว.อว.และคณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานวิจัย พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี วว. ในจังหวัดน่าน ได้แก่ นิทรรศการห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain ของใบหมี่) เพื่อเป็นพืชอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน ตั้งแต่ต้นน้ำ (ใบหมี่) ในการพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและขยายพันธุ์ใบหมี่ กลางน้ำ (การสกัดและการวิเคราะห์คุณภาพสารสกัด (COA) ) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตสารสกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัดสารของ วว. และปลายน้ำ (ผลิตภัณฑ์) ทำให้คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงขึ้นและเพิ่มธุรกิจใหม่ คือ เป็นผู้จำหน่ายสารสกัดที่มีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
นิทรรศการ Thai Cosmetopoeia วว. ดำเนินงานภายใต้นโยบายแผนการขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ และภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Biobased economy) ด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) โดยเน้นให้นักวิจัยใช้ วทน. ตอบสนองความสามารถสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างธุรกิจของภาคเอกชนและประชาชนได้จริงอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน (Competitive advantage) และความแตกต่าง (Differentiate) จากเอกลักษณ์ไทย ผสมผสานภูมิปัญญา (Local wisdom) ที่ทรงคุณค่า โดยเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในสู่ภายนอก
นิทรรศการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาจาก วว. ทั้งที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์และถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นรูปธรรมแล้ว และ นิทรรศการเมล็ดมะไฟจีน จาก บริษัทไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด จากวัตถุดิบทางการเกษตร สู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะยังได้เยี่ยมชมสถานที่ผลิตเครื่องสำอาง ชาสมุนไพร พร้อมชมต้นใบหมี่และแปลงสมุนไพร รวมทั้งสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยมี นายชูศิลป์ สารรัตนะ ประธานวิสาหกิจชุมชนชีววิถี นำชมพร้อมบรรยายการดำเนินงานเกี่ยวข้อง โดยชุมชนชีววิถีแห่งนี้เป็นต้นแบบชุมชนแห่งการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพได้อย่างยั่งยืน จากการเริ่มต้นเมื่อปี 2550 ชาวบ้านในชุมชนได้นำวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้ประโยชน์ และใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ที่ได้นอกจากจะปลอดภัยต่อผู้ใช้ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน และสร้างโอกาสให้มีรายได้สู่ชุมชน
โอกาสเดียวกันนี้ ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้เป็นประธานในพิธีเปิด อาคาร "น่านปันสุข" และ Shared service เครื่องสกัดสารสมุนไพรระดับชุมชน ผลงานวิจัยและพัฒนาของ วว. ภายใต้การดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากฯ วว. นำเครื่องนี้สกัดสารคุณภาพสูงจากใบหมี่ ซึ่งเป็นพืชอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน นอกจากนี้ยังสามารถนำเครื่องสกัดไปประยุกต์ใช้กับสมุนไพรได้หลากหลายชนิด
เครื่องสกัดสารสมุนไพรระดับชุมชน ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) ชุดถังสกัดใบหมี่ สามารถสกัดใบหมี่ 25 กิโลกรัม ได้สารสกัด 2.5 กิโลกรัม สามารถสกัดตัวยาออกหมดและตัวยาไม่เสื่อมสลาย 2) ชุดถังระเหยชนิดสุญญากาศ สามารถบรรจุสารสกัดได้ 50 ลิตร/ครั้ง อัตราการระเหย 30 ลิตร/ชั่วโมง (50 ? ซ) สามารถนำสารละลายกลับมาใช้ซ้ำได้ ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนชีววิถีนำสารสกัดคุณภาพสูงจากใบหมี่ที่ผ่านการสกัดด้วยเครื่องสกัดสารสมุนไพรระดับชุมชนไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมขนาด 300 กรัม ได้จำนวน 33,000 ขวด และนำไปจำหน่ายในรูปแบบ "สารสกัดคุณภาพสูง" ผ่านงานวิจัยมีใบรับรองผลิตภัณฑ์ จากการที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชีววิถี ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสกัด วว. ส่งผลให้กลุ่มมีการยกระดับองค์ความรู้ เกิดการจ้างงานระดับปริญญาตรี รวมทั้งมีการสร้างพันธมิตรและเครือข่ายทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การพัฒนาเครื่องสกัดสารสมุนไพรระดับชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตรและพืชอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน โดยการใช้เทคโนโลยี ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเดิมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชีววิถีจะสกัดสารจากสมุนไพรด้วยวิธีการหมักด้วยเอทานอลและการตุ๋นด้วยความร้อน สารสกัดที่ได้ยังมีความเข้มข้นไม่คงที่ หลังจากที่ วว. เข้ามาถ่ายทอดเทคโนโลยีการสกัดทำให้ปริมาณสารสกัดที่ได้เข้มข้นขึ้น เป็นการเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังได้ผลการวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดอีกด้วย
"...จากการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ วว. ในวันนี้ ทำให้เห็นตัวอย่างที่ดีขององค์กรในการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิภาพ สามารถผลิตผลงานได้ดีมาก มีการนำองค์ความรู้ถ่ายทอดไปสู่ขุมชน ทำให้ชุมชน พิ้นที่ และประเทศได้ประโยชน์เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ อย่างเข่น การนำ วทน. เข้ามาสกัดสารสำคัญใบหมี่ แต่เดิมชาวบ้านจะขายใบได้กิโลกรัมละ 200 บาท แต่เมื่อสกัดสารสำคัญ จะขายสารสกัดได้ถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท จากการลงพื้นที่จังหวัดน่านครั้งนี้มีข้อสังเกตส่วนตัวเห็นว่าภาคการเกษตรกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น ซึ่งกระทรวง อว. จะมีบทบาทในส่วนนี้ ดังนั้นต่อไปหากมีการตั้งเป็น "หอการศึกษาจังหวัด" โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน หรืออาจจะตั้งเป็น "วิทยสถานน่านนคร" ขึ้น ก็จะมีการนำงานของกระทรวง อว. เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เป็นการให้ความรู้ไปสู่การเลี้ยงชีพ ยกรายได้ให้สูงขึ้นและยั่งยืน..." ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าว
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต กล่าวถึงก้าวต่อไปในการดำเนินงานของ วว. และพันธมิตรในพื้นที่จังหวัดน่าน ผ่านการขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ วว. ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพิ่มมูลค่าพืชอัตลักษณ์ในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมว่า วว. และจังหวัดน่าน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ จะร่วมกันบูรณาการผ่านโครงการการใช้เทคโนโลยี ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตรและพืชอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน สนับสนุน ส่งเสริม และเสริมสร้างความเข้มแข็ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน และสังคมสู่ความยั่งยืน มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือ ในการนำองค์ความรู้ด้าน วทน. ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรและชีวภาพ อาหาร เวชสำอางไทย ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาวิธีบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่จังหวัดน่านให้มีการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
"?Shared Service เป็นกลไกซึ่ง วว. ได้สร้างขึ้น เพื่อให้ชุมชนมีเครื่องมือ มีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ในการเข้าไปเพิ่มปริมาณการผลิต สร้างความเข้มแข็งชุมชนให้ยั่งยืน?" ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุป