นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจลูกค้าองค์กร ซึ่งมีอยู่ 2 เทรนด์หลักๆ ที่น่าจับตามองได้แก่ 1.ผู้บริโภคคือผู้ที่กำหนดเทรนด์ต่างๆ ทางเทคโนโลยี (Consumerization of IT) โดยผู้บริโภคจะนำดีไวซ์ของตนเองไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊คมาใช้ในการทำงานมากขึ้น เพราะง่ายต่อการทำงาน และการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต หรือการติดต่อสื่อสารแบบออนไลน์ต่างๆ ทำได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้เส้นแบ่งระหว่างอุปกรณ์ส่วนตัว และการทำงานผ่านระบบองค์กร ค่อยๆ หายไป ซึ่งองค์กรเองก็ต้องปรับระบบของตนเองให้ใช้ง่ายขึ้น เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย และ 2.การปฏิวัติทางเทคโนโลยีสำหรับโมเดลทางธุรกิจต่างๆ (Technology Revolution of Business Model) บทบาทของเทคโนโลยีในทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงหน่วยสนับสนุนของธุรกิจใดๆ อีกต่อไป แต่เทคโนโลยีกลายมาเป็นหัวใจสำคัญของทุกโมเดลธุรกิจ การเลือกใช้เทคโนโลยีใดๆ ในองค์กรสามารถเป็นจุดชี้ขาดของโมเดลทางธุรกิจนั้นๆ ได้เลย”
สำหรับซัมซุง กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรถือเป็นกลุ่มธุรกิจเรือธงอีกหนึ่งธุรกิจที่ซัมซุงให้ความสำคัญมาก ซัมซุงจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มองค์กร เพื่อสนับสนุนการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พัฒนาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กร เพื่อช่วยให้องค์กรเหล่านั้นได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ (The New Business Experience) ที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง และประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้า ด้วยจุดแข็งของซัมซุงคือ ความเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยในปัจจุบัน ซัมซุงมีสิทธิบัตรทางด้านเทคโนโลยีมากเป็นอันดับสองในอเมริกามานานกว่า 8 ปี และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป เรียกได้ว่าซัมซุงมีความแข็งแกร่งมากให้ด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของซัมซุงที่เชื่อว่าประสบการณ์ใหม่ในการทำธุรกิจจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาสนับสนุน ซึ่งซัมซุงมีพร้อมในทุกด้านเพื่อธุรกิจองค์กรที่หลากหลาย
“โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจบีทูบีได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากทุกกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นผลมาจากการที่ซัมซุงศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจในความต้องการของแต่ละกลุ่มธุรกิจ รวมถึงซัมซุงยังเป็นผู้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อตอบสนองทุกความท้าทายใหม่ๆ ผนวกกับการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานทำให้ผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าองค์กรดีขึ้นเรื่อยๆ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 2,000 องค์กร โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า 30% ภายในสิ้นปีนี้” นายบุญเลิศกล่าวเสริม
ปัจจุบันซัมซุงมีผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับลูกค้าองค์กรอยู่หลากหลายอุตสาหกรรม แบ่งเป็นทั้งสิ้น 8 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรงพยาบาล 2. โรงแรม 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธนาคาร สถาบันการเงิน และประกันภัย 5.หน่วยงานราชการ 6.สถาบันการศึกษา 7.อสังหาริมทรัพย์ 8.ธุรกิจองค์กร โดยซัมซุงได้รวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และสินค้าไอที เพื่อตอบรับทุกความต้องการของกลุ่มธุรกิจทุกขนาด เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าครบทุกหมวด
“สำหรับกลยุทธ์ในการบุกตลาดบีทูบีของซัมซุงในปีนี้ ซัมซุงเน้นย้ำกลยุทธ์เน้นการตอบโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆ ของลูกค้าองค์กร โดยนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้าของซัมซุง ผสานกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า เพื่อตอกย้ำการเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร จัดสัมมนาต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกลุ่มลุกค้าองค์กร การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จต่างๆ กับความสำเร็จของซัมซุงที่ผ่านมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้า รวมถึงจัดเตรียมทีมงานที่มีประสบการณ์คอยสนับสนุนและพร้อม ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ให้องค์กรทุกก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน โดยในปีนี้ซัมซุงยังได้เปิดตัว Samsung Business Solutions Center ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 170 ตารางเมตร เพื่อเป็นห้องสาธิตการใช้การผลิตภัณฑ์ซัมซุงครบทุกหมวดหมู่ให้แก่ลูกค้าองค์กรกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มลูกค้าที่สนใจได้เข้าชมและทดลองใช้งานจริง โดยมีทีมงานคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดอีกด้วย”
“ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ ทำให้ซัมซุงเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะให้ความไว้วางใจให้ซัมซุงร่วมเป็นพันธมิตรที่มีส่วนในการช่วยส่งเสริมธุรกิจของลูกค้าให้แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยซัมซุงได้วางแผนที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดลูกค้าองค์กร โดยตั้งเป้าผลักดันให้ธุรกิจลูกค้าองค์กรมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัทฯ ภายในปี 2563” นายบุญเลิศกล่าวทิ้งท้าย