นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ณ โรงแรมเอทัส ลุมพินี สาธร เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 ว่า ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... โดยมีหลักการเพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งระบบสื่อสารส่งผลให้การเก็บรวบรวมข้อมูล การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสามารถกระทำได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว อันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน จากการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือความเสียหายในกรณีที่มีการนำไปแสวงหาประโยชน์หรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือแจ้งล่วงหน้า ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในบางเรื่อง แต่ก็ยังไม่มีหลักเกณฑ์ กลไกหรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นหลักการทั่วไป ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ส่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... เพื่อให้กระทรวงดิจิทัลฯ รับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น การจัดการประชุมรับฟังความเห็นครั้งนี้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจเบื้องต้นให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รู้ถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ รวมถึงเหตุผลความจำเป็นและผลกระทบของการดำเนินงาน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้กระทรวงฯ ได้รับทราบข้อมูล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกลไกหรือมาตรการต่างๆ ตามกฎหมาย ที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครบถ้วนและเป็นระบบ และเพื่อใช้ประกอบการชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "การประชุมในครั้งนี้ ได้แบ่งเป็นสองช่วง โดยช่วงเช้าเป็นการให้ความรู้เรื่องหลักกฎหมายและมาตรฐานสากลในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งสรุปประเด็นสำคัญและแนวคิดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงฯ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากหลาย
ภาคส่วนร่วมเป็นวิทยากร อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ดร.ประพันธ์พงศ์ ขำอ่อน ดร.อรอมล อาระพล กลุ่มสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกลุ่มสมาคมธนาคารไทย สำหรับช่วงบ่ายเป็นการเสวนาเพื่อรับทราบทัศนคติเกี่ยวกับมุมมองกฎหมายคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจในโลกดิจิทัล โดยมีผู้แทนจากกลุ่มการเงิน ธนาคาร ตลาดทุน ประกันภัย สมาคมผู้ประกอบการโทรคมนาคม กลุ่มผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้ค้าปลีก สาธารณสุข โรงแรม การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ซึ่งผลจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์และแนวทางสำคัญที่กระทรวงดีอี จะได้สรุปรวบรวมและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป"