นายชานนท์ จิรายุกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายขาย บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด กล่าวว่า "จากความสำเร็จของออปโป้ F Series ที่กลายมาเป็นสมาร์ทโฟนยอดนิยมในหมู่ลูกค้าชาวไทย ด้วยความโดดเด่นด้านกล้องคุณภาพสูงและดีไซน์โดนใจ เราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมาจนเป็น F7 ในวันนี้ และเราพร้อมจะพลิกตลาดสมาร์ทโฟน กับออปโป้ F7 ที่เป็นสุดยอดของการเซลฟี่ที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ด้วย AI Beauty 2.0 มาพร้อมกล้องหน้า 25 MP ช่วยให้เซลฟี่ง่ายและได้ภาพที่เป็นธรรมชาติ"
ระบบ AI Beauty 2.0 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด สามารถแยกแยะความแตกต่างทั้งสีผิว และเพศของผู้ที่ปรากฎในภาพ รวมทั้งประมวลผลและปรับแต่งภาพในโหมด Beauty ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น โดยนักพัฒนาของออปโป้ต้องศึกษาและสร้างจุดบนใบหน้าถึง 296 จุด รูปทรงและเค้าโครงของใบหน้า 25 โซน ทำให้ใบหน้าสมมาตรและมิติมากขึ้น นอกจากนี้ ออปโป้ยังทำงานกับช่างภาพและเมกอัพอาร์ติสท์เพื่อพัฒนาระบบต่างๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง
นอกจากนี้ ออปโป้ F7 ยังมีกล้องหน้าความละเอียด 25 MP ที่ทำให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้คมชัด หน้าจอ Super Full Screen 6.23 นิ้ว โดยใช้ดีไซน์แบบ Notch Screen ที่ใหญ่เต็มขอบ ให้ภาพคมชัดระดับ full HD+ สามารถเล่นเกมหรือฟังเพลงได้อย่างต่อเนื่องไม่ตัดเมื่อมีสายเรียกเข้า ระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่อง (Facial Unlock) และระบบ Color OS บนAndroid 8.1 Oreo รุ่นล่าสุด นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์บางเฉียบทันสมัยสะท้อนความเหนือระดับของเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี (Mirror Back Design) OPPO F7 (RAM 4GB+ ROM 64GB) มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Solar Red, Moonlight Silver และ Diamond Black โดย OPPO F7 ราคาเปิดตัวเพียง 10,990 บาท เริ่มจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 เมษายนนี้ ส่วน OPPO F7 128GB (RAM 6GB+ 128GB) มี 2 สีด้วยกัน คือ Solar Red, Diamond Black จะเริ่มจำหน่ายวันแรกในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ (รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการ) ซึ่งลูกค้าจะได้รับการประกันหน้าจอ 1 ปี และประกันตัวเครื่องถึง 24 เดือน ทั้งสองรุ่น
และเพื่อสนับสนุนการเปิดตัว ออปโป้ได้ "ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บันด์" ดาราสาวสุดฮ็อตมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดที่จะสื่อถึงความสามารถด้านการถ่ายภาพเซลฟี่ และสะท้อนการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างสนุกสนาน มีสีสันได้อย่างเต็มที่
นายชานนท์ กล่าวว่า "OPPO F7 ใช้ AI Beauty 2.0, Sensor HDR, Color OS 5.0 และในปีนี้ OPPO ได้มีการเปิดศูนย์วิจัยถึง 6 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, ตงกวน, เซินเจิ้น, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยการวิจัยครั้งนี้ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่างสแตนฟอร์ด เพื่อสำรวจเทคโนโลยีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และ OPPO ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำอื่นๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย 5G และนอกจากนี้ OPPO ยังมีส่วนร่วมในการกำหนดพื้นฐานของเทคโนโลยี 5G ในสมาร์ทโฟน
นายชานนท์ กล่าวเสริมว่า "จากการที่เราอยู่ในตลาดไทยมานานถึง 10 ปี เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย และในฐานะสมาร์ทโฟนที่มีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่ และมีความโดดเด่นด้านดีไซน์ เราจึงได้เลือก "ญาญ่า" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากมีบุคลิกร่าเริง สดใส มีชีวิตชีวา และยังมีความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ดี สะท้อนความเป็นออปโป้ได้เป็นอย่างชัดเจน"
นายชานนท์กล่าวเสริมว่าตลาดสมาร์ทโฟนยังคงเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพ และออปโป้จะรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 2 ในตลาดสมาร์ทโฟนของไทย ด้วยกลยุทธ์หลัก ได้แก่ การรักษาภาพลักษณ์ในฐานะแบรนด์รุ่นใหม่และโดดเด่นเรื่องแฟชั่น การมีผลิตภัณฑ์ที่ดีจากการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องทำให้ออปโป้เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านการเซลฟี่ มีคุณสมบัติการใช้งานที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ พร้อมทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาทเพื่อการบริการที่ดีที่สุด มีบริการหลังการขายที่มีคุณภาพสามารถซ่อมได้เร็วโดยใช้เวลาแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และสามารถเข้าทั่วทุกพื้นที่ด้วยศูนย์บริการกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ OPPO เองมีการพัฒนาโปรดักส์อยู่เสมอและนั่นทุกคนรู้ดีว่า OPPO เป็นผู้นำด้านเซลฟี่มาตลอด ทั้งนี้ลูกค้าจะได้รับการประกันหน้าจอ 1 ปี และประกันตัวเครื่องถึง 24 เดือน