นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานรวมประจำไตรมาส 3/2561 มีรายได้ 1,386.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.24% จากไตรมาส 2/2561 และเพิ่มขึ้น 28.09% จากไตรมาส 3/2560 ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวทำได้ 90.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.60% จากไตรมาส 2/2561 และเพิ่มขึ้น 15.63% จากไตรมาส 3/2560 ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรก มีรายได้อยู่ที่ 4,004.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 236.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.63% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นไปตามประมาณการของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มรายได้และกำไร
สาเหตุที่ผลประกอบการดีขึ้นมาจากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION) มีรายได้ 583.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2561 กว่า 25% และเพิ่มขึ้น 8.26% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากไตรมาสที่ผ่านและเพิ่มขึ้น 113.85% จากไตรมาส 3/2560
ขณะที่ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING) มีรายได้อยู่ที่ 386.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.38% จากไตรมาส 2/2561 และเพิ่มขึ้น 27.54% จากไตรมาส 3/2560 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.96 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนและบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี จนพลิกฟื้นกลับมามีกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากการทุ่มเททำงาน ลดต้นทุน สร้างกำไร ตามแผนงานที่วางไว้
ส่วนธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL บริษัทย่อย ยังคงสามารถเติบโตได้ตามประมาณการณ์ที่ตั้งไว้ โดยมีรายได้อยู่ที่ 420.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.74% จากงวดเดียวกันปี และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.87% จากงวดเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ITEL ได้เข้าร่วมประกวดราคากับโครงการ US02 (อินเตอร์เน็ตชายขอบ2) มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะประกาศผลในเร็วๆ นี้
" ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ออกมาดีกว่าทุกไตรมาส หลังจากที่ผ่านมาได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเจรจากับซัพพลายเออร์เรื่องการลดต้นทุนเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร นอกจากนี้ยังทยอยรับรู้รายได้จากงานรัฐสภา เข้ามาสนับสนุนด้วย ส่วนไตรมาส 4 แนวโน้มผลประกอบการยังคงเติบโตในทิศทางที่ดีต่อเนื่องและการบันทึกค่าปรับงาน AOT ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่รองรับนโยบาย Thailand 4.0" นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวต่อไปว่ารายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้มากกว่า 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 4,251 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือรวมอยู่ที่ 5,042.13 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องและเตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้นำทีมไปเจรจาและสร้างความร่วมมือกับ Supplier ซึ่งผลิตสินค้า OEM ให้กับบริษัทฯ กว่า 10 แห่ง เพื่อรุกตลาดสายสัญญาณในอินโดจีน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื่องจากโรงงานหลายแห่งประสบปัญหาการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ทำให้ได้หันมาทุ่มเทกับตลาดเอเชียมากขึ้น การเจรจากับ Supplier ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนของสินค้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 ต่อเนื่องไปถึงปี 2562 และคาดว่าจะทำให้มีศักยภาพทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 100 ล้านบาท อีกทั้งทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจสายสัญญาณเพิ่มขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ FTTH (Fiber to the Home Products,LAN CAT 6A Cable,ARSS&ADSS Fiber Optic Cable,SWTTCH &PoE SWITCH,WIRE less ACCESS Point และ SFP New Products ฯลฯ เพื่อขยายตลาดในปีหน้าและรองรับเทคโนโลยีด้านดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลบริษัท :
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจจัดจำหน่าย เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยดำเนินธุรกิจมานานกว่า 31 ปี และมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าและร้านค้าอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 12,000 ราย และลูกค้าภาครัฐอีกมากกว่า 100 องค์กร โดยยังได้นำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเป็น ธุรกิจวิศวกรรม รับเหมา Turn Key การก่อสร้างระบบโครงข่ายและระบบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าและสื่อสาร เช่น ระบบสายไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการสายส่งไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น อีกทั้งยังได้นำประสบการณ์มาสร้าง ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกทั่วไทย และยังได้สร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการรับฝากข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย ธุรกิจและสัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจเป็นดังนี้
1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 50%)
2. ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 25%)
3. ธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 25%)