นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ เปิดเผยว่า การจัดงานในครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบาย "Act West" ที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดียให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต นวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความสำคัญและสามารถนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารเพื่อเพิ่มความสำเร็จมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำมาใช้บริหารจัดการด้านการค้ากับคู่ค้าในระดับสากล โดยเฉพาะการรับชำระเงิน ซึ่งการพัฒนานวัตกรรมด้านนี้สามารถเรียนรู้จากอินเดีย ซึ่งมีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการคิดค้นนวัตกรรม นำมาพัฒนาและต่อยอดความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน
ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยได้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าร่วมโครงการ National Digital ID -Blockchain Platform ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการยืนยันตัวตน เพื่อเปิดบัญชีด้วยการสแกนใบหน้า (Facial Recognition) ผ่านแอปพลิเคชั่นกรุงไทย NEXT นอกจากนี้ธนาคารยังร่วมลงทุนใน Blockchain Community Initiative (BCI) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาระบบบล็อกเชนกลางในภาคธนาคาร เพื่อให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชน โดยลูกค้าสามารถขอ Electronic Letter of Guarantee (LG ) ผ่านช่องทางของธนาคาร ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
Professor R.K.Shyamasundar JC Bose National Fellow & Distinguished Visiting Professor Indian Institute of Technology Bombay เปิดเผยว่า บล็อกเชนเป็นตัวกลางที่ช่วยรวบรวมฐานข้อมูลทำให้ผู้ที่มีบัญชีสามารถใช้งานร่วมกันได้ง่ายขึ้น โดยทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ไม่ต้องมีตัวกลาง มีความโปร่งใส ปลอดภัยสูง ปลอมแปลงได้ยาก เนื่องจากการแก้ไขข้อมูลต้องทำโดยผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น นอกจากนี้ ระบบยังมีการอัพเดทข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมมากกว่ารูปแบบเดิม