บมจ.เน็ตเบย์ รุกพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการแพทย์ HAPYBot ส่งมอบแก่โรงพยาบาลช่วยลดการสัมผัสผู้ป่วย ป้องกันความเสี่ยงจาก COVID-19

อังคาร ๐๒ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๐๙:๓๐
บมจ.เน็ตเบย์ NETBAY รุกพัฒนา HAPYBot หุ่นยนต์ขนส่งอัฉริยะเพื่อการแพทย์รุ่นแรกของไทยที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับใช้งานในโรงพยาบาล ภายใต้คอนเซปต์ Better Faster Cheaper เพื่อใช้ส่งยา เวชภัณฑ์ อาหาร-น้ำ แก่คนไข้เพื่อช่วยลดการสัมผัส ชูจุดเด่นสามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างอิสระและมีระบบสั่งการให้หุ่นยนต์ทำงานได้ 4 รูปแบบ สามารถทำงานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมงครึ่งและกลับไปยังแท่นชาร์จได้เอง รวมถึงติดตั้งระบบ AI เพื่อคำนวณเส้นทางใหม่ได้ นำร่องส่งมอบหุ่นยนต์เฟสแรกให้แก่โรงพยาบาล 3 แห่ง ก่อนทยอยส่งมอบแก่โรงพยาบาลอื่นต่อไป ด้าน สวทช.พร้อมสนับสนุนนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีของ สวทช. และภาคเอกชนที่มีศักยภาพในเชิงสุขภาพและการแพทย์เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หุ่นยนต์ HAPYBot ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยจากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช. ขณะที่มหาวิทยาลัยมหิดลชี้การนำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงพยาบาลเพื่อขนส่งอาหารอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ ช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์
บมจ.เน็ตเบย์ รุกพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการแพทย์ HAPYBot ส่งมอบแก่โรงพยาบาลช่วยลดการสัมผัสผู้ป่วย ป้องกันความเสี่ยงจาก COVID-19

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ (NETBAY : Innovative Technology Company) เปิดเผยว่า เน็ตเบย์มีความต้องการผลิตหุ่นยนต์ของไทยรุ่นแรกที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อนำไปใช้งานในโรงพยาบาลได้ ภายใต้แนวคิด “Better Faster Cheaper” ดังนั้นหุ่นยนต์ HAPYBot จึงถูกคิดค้นให้ทำหน้าที่ขนส่ง นำทาง เคลื่อนที่อิสระ เพื่อขนส่ง ยา วัคซีน และเวชภัณฑ์การแพทย์ อาหาร รวมถึงสิ่งของอื่นๆได้ ตัวหุ่นยนต์มีช่องเก็บแบบปิด-เปิดและล็อคด้วยระบบไฟฟ้า ขนาดความจุ 17 ลิตร รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ 10-15 กิโลกรัม โดยในช่องเก็บของภายในตัวหุ่นยนต์สามารถใส่น้ำได้ เพราะเป็นช่องหล่อแบบชิ้นเดียวไม่มีรอยต่อ จึงสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำไปยังระบบอื่นๆ นอกจากนี้หุ่นยนต์ดังกล่าวสามารถสั่งการผ่านหน้าจอระบบสัมผัสบนตัวหุ่นยนต์ หรือสั่งการด้วย computer web base หรือ tablet หรือ mobile application หรือ QR code โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับNetwork ของโรงพยาบาล ช่วยจัดส่งยาถึงที่หมายได้หลายแห่งขึ้นกับคำสั่งใช้งาน

หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 2.5 – 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่เกิดอุบัติเหตุต่อคนหรือสิ่งของและมีระบบตรวจจับการยกหุ่นยนต์เพื่อแจ้งเป็นเสียงเตือน เช่น ถูกยก โยก คว่ำ เป็นต้น ขณะเดียวกันหุ่นยนต์สามารถออกแบบแผนการเดินทางได้เองแบบอัตโนมัติ สามารถกำหนดพื้นที่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเดินทางได้ หรือใช้ระบบ AI ช่วยตัดสินใจกำหนดเส้นทางใหม่ เมื่อพบอุปสรรคสามารถเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ ทำงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะเวลา 210 นาที (3 ชั่วโมงครึ่ง) และกลับไปยังแท่นชาร์จได้เองแบบอัตโนมัติเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ รวมถึงมีพอร์ตชาร์จไฟฉุกเฉินเมื่อเกิดปัญหาหรือใช้พลังงานจนหมดระหว่างทาง

ขณะเดียวกันได้ออกแบบให้มีระบบปลดล็อคช่องเก็บของแบบฉุกเฉิน ระบบล็อคการเปิดเครื่องด้วยกุญแจ สามารถตั้งความดังของเสียงและจำแนกความดังของเสียงทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนได้ รวมถึงกำหนดเสียงได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สามารถเชื่อมต่อกับระบบลิฟท์ได้ จึงสามารถเรียกลิฟท์ได้เองเพื่อมารับ ณ ชั้นที่หุ่นยนต์รออยู่ และยังสามารถเคลื่อนที่ผ่านพื้นผิวที่เป็น “ร่อง” ระหว่างลิฟท์กับพื้นของแต่ละชั้นที่มีระยะช่องว่าง 1 นิ้ว และมีระดับความสูงที่ต่างกัน 1.5 ซม. รองรับการขึ้น-ลงทางลาดเอียง 5 องศา มีระบบล้อช่วยเบรกและทรงตัว สามารถเชื่อมต่อเพื่อสั่งการกับประตูห้องผู้ป่วยแบบอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องใช้คน โดยมีอุปกรณ์เสริมเพื่อเปิดประตูบานสวิงในกรณีที่ไม่ใช่ประตูแบบอัตโนมัติและสามารถสั่งการจากหุ่นยนต์ได้ มีระบบ access control สามารถตั้งรหัสผ่านระบบสั่งการเพื่อป้องกันการใช้งานจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต และตั้งรหัสผ่านระบบรับคำสั่งเพื่อป้องกันยาสูญหาย

นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อสแกนบัตรผู้รับยาแบบ RFID (ระบบคลื่นความถี่วิทยุ) ได้ ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลสามารถเพิ่มสิทธิ์เองได้ สามารถตรวจสอบ และออกรายงาน สามารถออกรายงานวันที่ เวลาที่ส่งและรับยา จุดเริ่มต้นและปลายทาง ระยะทาง ระยะเวลา รวมถึงผู้ส่งและรับสิ่งของได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เน็ตเบย์ กล่าวต่อว่า Hapy Bot ผ่านการตรวจสอบจากทางสถาบันไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ (สวทช.) หรือ PTEC ในด้านต่างๆ เช่น มาตรฐานแบตเตอรี่ในหุ่นยนต์จะมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง ไม่เกิดระเบิดเมื่อชาร์จไฟฟ้าเพิ่ม, ระบบไฟฟ้า ไม่ส่งสัญญาณไฟฟ้าที่ปล่อยคลื่นความถี่รบกวนอุปกรณ์ทางการแพทย์ระบบซอฟต์แวร์และระบบปฎิบัติการสั่งงานที่มีมาตรฐาน ถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานภายในโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ส่งมอบหุ่นยนต์ Hapy Bot ให้แก่ รพ. เวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล, รพ. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ รพ. คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ หลังจากนั้นจะเร่งจัดหา รพ.อีก 7 แห่งเพื่อส่งมอบหุ่นยนต์ดังกล่าวสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ใน รพ.อย่างเร่งด่วนต่อไป

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานคณะกรรมการวิชาการและเทคนิคเพื่อรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID – 19) ที่มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ความสำคัญในการนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีไปใช้ในการช่วยเหลือประเทศชาติเป็นภารกิจพิเศษ และกำหนดผลงานวิจัยและเทคโนโลยีของ สวทช. ที่มีศักยภาพในเชิงสุขภาพและการแพทย์ ตลอดจนดำเนินการเพื่อสนับสนุนความต้องการใช้เครื่องมือรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พร้อมทั้งประสานงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน

นอกจากนี้ สวทช.ยังเป็นคณะกรรมการที่ให้ความเห็นชอบผลงานวิจัยที่สำเร็จและผ่านข้อกำหนดด้านมาตรฐานและความปลอดภัยเครื่องมือแพทย์จนสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 รวมถึงยังติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าในการดำเนินงาน เพื่อการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย

สำหรับการนำหุ่นยนต์ Hapy Bot มาใช้ทางการแพทย์ บริษัท เน็ตเบย์ (มหาชน) จำกัด ได้จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแพทย์และพยาบาลในการปฏิบัติหน้าที่และช่วยในการป้องกันโรคระบาดฯ ดังกล่าว โดยได้รับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยทางการแพทย์ จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช.

ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าจากปัญหาการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 บุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นทัพหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และหลายภาคส่วนต้องหาทางรับมืออย่างหนัก การใช้เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมจึงมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมาก เช่น การนำหุ่นยนต์ทางการแพทย์มาใช้ในโรงพยาบาลเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในช่วงที่ผ่านมาวงการแพทย์ได้นำหุ่นยนต์มาใช้ในการผ่าตัดเพื่อความแม่นยำ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ประกอบกับทีมแพทย์และพยาบาลจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น หุ่นยนต์ทางการแพทย์จึงได้รับการพัฒนาให้นำมาใช้ประโยชน์มากขึ้นเพื่อลดการสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อ สามารถใช้ติดตามคนไข้บนหอผู้ป่วย ใช้ขนส่งอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ยา ช่วยแบ่งเบาภาระและลดความเสี่ยงบุคลากรทางแพทย์ที่จะติดเชื้อจากผู้ป่วย

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำที่ผลิตผลงานที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การทำวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ที่ผ่านมาจึงมีหุ่นยนต์ที่ได้รับการพัฒนาโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน และคณะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเนื่องจากมหาวิทยาลัยฯ มีโรงพยาบาลในสังกัดหลายแห่ง การได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.เน็ตเบย์ มอบหุ่นยนต์ HAPYBot ให้แก่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน จะส่งผลต่อประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาพยาบาลและสร้างความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4