รายงานได้กล่าวถึงความท้าทายของเครือข่าย 5G SA และทางออก ทั้งในด้านความครอบคลุมของเครือข่าย, การใช้งานร่วมกับเครือข่าย multi-RAT, network slicing แบบครบวงจร รวมถึงการใช้บริการและเครือข่าย 5G ในภาคธุรกิจ
ในแง่ความครอบคลุมของเครือข่ายนั้น มีสามปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การเชื่อมต่อมีความครอบคลุมและคุ้มค่า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ 5G NR ที่มีความครอบคลุมและยืดหยุ่น, เทคโนโลยียกระดับ uplink รวมถึงการประสานเครือข่ายความถี่สูงและความถี่ต่ำ
ขณะเดียวกัน เครือข่ายหลักแบบ convergent architecture, NSA/SA dual-mode BTS และ SuperDSS สามารถช่วยให้เครือข่าย multi-RAT ทำงานร่วมกันและพัฒนาได้อย่างราบรื่น
network slicing ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเครือข่าย 5G ได้ถูกนำไปใช้ในระบบการจัดการและเครือข่ายครบวงจร ส่วนเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อันทันสมัยอื่น ๆ เช่น slicing ครบวงจร, lite 5GC รวมถึง UPF และ MEC แบบบูรณาการ ต่างก็ถูกนำไปใช้ในเครือข่ายส่วนตัวและบริการต่าง ๆ
นอกจากนี้ รายงานสมุดปกขาวยังนำเสนอกรณีการใช้งานเครือข่าย 5G ในภาคธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น การควบคุมเครนยกตู้สินค้าจากระยะไกลผ่านเครือข่าย 5G ในท่าเรืออัจฉริยะของเมืองเทียนจิน และโรงงานอัจฉริยะในเมืองหนานจิงของ ZTE ซึ่งมีการใช้เครือข่าย 5G ผลิตอุปกรณ์ 5G อย่างมีประสิทธิภาพ
รายงานสมุดปกขาวคาดการณ์ว่า เครือข่าย 5G มาตรฐาน 3GPP R16 จะเริ่มมีการใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ซึ่งจะส่งเสริมการใช้เครือข่าย 5G อย่างคุ้มค่าที่สุด
สามารถอ่านรายงานสมุดปกขาวว่าด้วยการใช้เครือข่าย 5G SA เชิงพาณิชย์ได้ที่ https://www.mobileworldlive.com/standalone-5g-now-ready-for-prime-time
ZTE คือผู้จัดหาระบบโทรคมนาคมขั้นสูง อุปกรณ์มือถือ และโซลูชันเทคโนโลยีระดับองค์กรให้แก่ผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย บริษัท และภาครัฐ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการจัดหานวัตกรรมแบบบูรณาการและครบวงจรให้แก่ลูกค้า เพื่อมอบความเป็นเลิศและคุณค่าในขณะที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาบรรจบกัน ทั้งนี้ ZTE จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซินเจิ้น (รหัสหุ้น H-Share: 0763.HK / รหัสหุ้น A-Share: 000063.SZ) โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
สื่อมวลชนติดต่อ:
Margaret Ma
ZTE Corporation
โทร: +86 755 26775189
อีเมล: [email protected]